อีกหนึ่งตลาดที่ขับเคลื่อนแข่งขันกันแบบสูสีคู่คี่กันตลอดเวลาก็คือ ‘น้ำดื่ม’ ซึ่งล่าสุด “น้ำดื่มสิงห์” ได้เปิดตัวเทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะ “Smart Micro Filter” และทุ่มงบประมาณ 200 ล้านบาท เพื่ออัดแคมเปญ “ดื่ม..สิ่งที่ใช่ให้ตัวเอง” ผ่านการใช้ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” พรีเซ็นเตอร์คนใหม่เพื่อหวังเข้าไปในใจทุกเพศทุกวัย ลองมาดูกันว่าตลาดน้ำดื่มครั้งนี้จะเปิดเกมแข่งขันทางการตลาดอย่างสนุกสนานแค่ไหน
อุตสาหกรรมน้ำดื่มบรรจุขวดยังคงเติบโต
ส่วนสำหรับภาพรวมตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดทั้งหมด (PET+GLASS) ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 (ย้อนหลัง 1 ปี) ในเชิงมีมูลค่าประมาณ 36,000 ล้านบาท เชิงปริมาณรวม 3,300 ล้านลิตร เติบโต 9.3%
ซึ่งแบ่งตามบรรจุภัณฑ์แบบขวดพีอีที(PET) มูลค่า 34,200 ล้านบาท ในเชิงปริมาณรวม 3,130 ล้านลิตร หรือคิดเป็นสัดส่วน 95% เติบโต 10% และแบบขวดแก้ว(GLASS) มูลค่า 1,800 ล้านบาท เชิงปริมาณรวม 170 ล้านลิตร คิดเป็นสัดส่วน 5%
ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ ของบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ได้ประมาณการอุตสาหกรรมว่าในที่ผ่านมาตลาดน้ำโต 10% จึงตั้งใจให้น้ำดื่มสิงห์โตขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดนั่นคือ 20 %
‘น้ำดื่มสิงห์’ คือผู้นำอันดับ 1 ในตลาด
เมื่อลองดูส่วนแบ่งทางการตลาดจะพบว่าน้ำดื่มสิงห์ยังคงคว้า ‘เบอร์1’ ในตลาดนี้อยู่ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 21% ในปี 2561 และวางเป้าหมายไปสู่ 23% ภายในปี 2562
ส่วนแบ่งทางการตลาด
- สิงห์ 21%
- คริสตัล 20.6%
- เนสท์เล่ 15.2%
- น้ำทิพย์ 8.3%
- ช้าง 2.4%
- อควาฟิน่า 1.5%
ส่องผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของน้ำดื่มสิงห์
พฤติกรรมของการดื่มน้ำของลูกค้าคือต้องการรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย ทำให้น้ำดื่มสิงห์ ต้องปรับรูปแบบของบรรจุภัณฑ์รองรับความต้องการ โดยเฉลี่ยประเภทและราคา ดังนี้
ขวดพีอีที
- 330 มล. ราคา 5 บาท
- 600 มล. ราคา 7 บาท
- 750 มล. ราคา 9 บาท
- 1,500 มล. ราคา 14 บาท
- 6 ลิตร ราคา 40 บาท
ขวดแก้ว
- 500 มล. ราคา 10บาท
- น้ำถัง 19 ลิตร ราคา 65 บาท
และเมื่อถามถึงการทำสงครามราคาของตลาดน้ำดื่มที่แข่งขันกันอย่างจริงจัง คุณธิติพรก็บอกเราว่าไม่เน้นการลดราคาเนื่องจากน้ำดื่มสิงห์ต้องการรักษาสมดุลระหว่างการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด พร้อมการลงทุนพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น เพราะหากอยากเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในปีนี้เป็น 25% ก็ทำได้ด้วยการลดราคา แต่มีการตั้งไว้ที่ 23% เพราะต้องการเป็นเจ้าตลาดพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืนนั่นเอง
ณเดชน์ คูกิมิยะ ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่หวังเข้าถึงใจทุกคน
น้ำดื่มสิงห์ตั้งใจสื่อสารผ่านแคมเปญ “ดื่ม..สิ่งที่ใช่ให้ตัวเอง” ด้วยการดึงซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าที่เป็น (Top of Mind) ของคนไทยคือ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อจับตลาดในวงกว้าง(Mass) ทั้งเด็ก คนรุ่นใหม่ ผู้ใหญ่ และครอบครัว
โดยให้เหตุผลในการเลือกณเดชน์ครั้งนี้ว่า เพราะเป็นนักแสดงที่ดูแลตัวเองอย่างดี มีการออกกำลังกาย ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งถือเป็นคาแร็กเตอร์ที่สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ และต้องการสื่อสารถึงคุณภาพที่ดีของน้ำดื่มสิงห์ที่สะอาด เหมาะกับร่างกาย
โดยตั้งใจทุ่มเงินลงทุนในแคมเปญนี้ถึง 200 ล้านบาท เพื่อจัดแคมเปญการตลาด “ดื่ม..สิ่งที่ใช้ให้ตัวเอง” ผ่านสื่อแบบ 360 องศา ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ เพื่อเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแคมเปญทางการตลาดที่ใช้เงินมากที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา
และยังมีการสานต่อกิจกรรมการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มวัยรุ่น รวมทั้งยังคงทำตลาดน้ำดื่มขนาด 330 มิลลิลิตร ลายการ์ตูน My Little Pony รวมถึงการเป็นสปอนเซอร์กิจกรรม Disney On Ice เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายเด็กอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้นจะเห็นกันว่า “ณเดชน์ คูกิมิยะ” เป็นที่ชื่นชอบสำหรับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัย ซึ่งการเป็นพรีเซ็นเตอร์ในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความเป็นน้ำดื่มอันดับ 1 ของคนไทยอีกด้วย”
มั่นใจลูกค้าเชื่อมั่นด้านคุณภาพ
น้ำดื่มสิงห์มองเรื่องคุณภาพเป็นจุดสำคัญ เพราะจากการสำรวจพบว่าผู้บริโภคน้ำดื่มให้ความสำคัญในการเลือกน้ำดื่มโดยเรียงลำดับความสำคัญจาก คุณภาพสินค้า ความสะดวกในการหาซื้อ ราคา และยี่ห้อ ตามลำดับ (สำรวจในช่วงต้นเดือน มกราคม 2562) นั่นหมายความว่าผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับ ‘น้ำ’ ในขวดมากที่สุดนั่นเอง
สิงห์จึงได้พัฒนาเทคโนโลยี ‘Smart Micro Filter’ ขึ้นมา เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตกับโรงงานทุกแห่งทั่วประเทศ โดยเป็นเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของน้ำดื่มสิงห์เท่านั้น
ซึ่ง ‘Smart Micro Filter’ เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและความละเอียดสูง สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ แบคทีเรีย สิ่งสกปรก ที่ปะปนมากับน้ำได้ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งแร่ธาตุตามธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
Singha Rewards สร้างความแตกต่าง
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือการมี ‘Singha Rewards’ ซึ่งเป็น Royalty Program สำหรับให้ลูกค้านำฝาน้ำดื่มไปสะสมแต้มแลกส่วนลด และชิงของรางวัลต่างๆ โดยพบว่ามีการแอด LINE เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมอยู่ที่ 8,000,000 Users และแอคทีฟกับกิจกรรมที่ 1,500,000 Users (ในระยะเวลาหนึ่งปีกว่าๆ ) และตั้งเป้าให้มียอดแอคทีฟในปีนี้อีกเท่าตัว
เรียกได้ว่าเป็นการเลือกพรีเซ็นเตอร์ได้น่าจับตามอง เพราะ ณเดชน์ คูกิมิยะ น่าจะสร้างการรับรู้ และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งก็ต้องจับตามองกันต่อไปว่าจะดันยอดขายได้เพิ่มมากน้อยแค่ไหน
#ThumbsupXSingha