กลายมาเป็นผู้ชนะรายแรกของสิริ เวนเจอร์ส สำหรับ OneStockHome ที่ผ่านขั้นตอนการ Pitching ในงาน Techsauce Global Summit 2018 ที่ผ่านมา รางวัลสำหรับชัยชนะที่น่าสนใจบนเวทีประกวดในครั้งนี้ คือการได้เดินทางไป Pitching และเรียนรู้งานจากองค์กรชั้นนำมากมายที่ Silicon Valley ที่คาดว่าน่าจะสร้างโอกาสและประโยชน์ทางธุรกิจอีกมาก และในวันนี้ Thumbsup จะชวนมาทำความรู้จักกับทีมผู้ชนะกันค่ะ
ทำความรู้จักสิริ เวนเจอร์ส
หากคุณอยู่ในกลุ่ม Startup อาจจะรู้จักมาบ้างแล้วว่า “สิริ เวนเจอร์ส” เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างแสนสิริและธนาคารไทยพาณิชย์ ที่เน้นการวิจัยและลงทุนด้าน Prop Tech อย่างครบวงจรรายแรกของไทย ที่ต้องการลงทุนในกลุ่มสตาร์ทอัพและมองหานวัตกรรมที่เติมเต็มด้านการอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์ ภายใต้แนวคิด “Complete Your Living Experience” โดยในปีนี้ สิริ เวนเจอร์สได้เปิดเวทีเฟ้นหาสตาร์ทอัพด้าน Prop Tech บนเวที TechSauce Global Summit 2018 เพื่อหาผู้ชนะเลิศเพียงรายเดียวที่จะร่วมเดินทางไปยัง Silicon Valley ในช่วงไตรมาสที่ 4 เพื่อนำเสนอแผนธุรกิจกับนักลงทุนระดับโลก
สิริ เวนเจอร์ส Business Pitching
จากการสมัครเข้าร่วม Business pitching ของเหล่าสตาร์ทอัพทั้งหมด ได้มีการคัดเลือกให้เหลือเพียง 17 ทีมที่มีสิทธิ์เข้าร่วมการนำเสนอไอเดียและผลงานเจ๋งๆ ของตนเองในงาน Techsauce Global Summit 2018 เมื่อวันที่ 22-23 มิถุนายนที่ผ่านมา เหล่าสตาร์ทอัพที่ได้รับเลือกทั้งหมดได้แก่ Wazzadu, Dumoroc, Refit, Vitaboost, Homeprise, Screea, Kiidu, Onestockhome, ซิสเท็มเมทริก อินโนเวชั่นส์, Renovanic, Poperty Innovation Charoen Sinsup Amata, Property Flow, Somjai Home Loan, Sellorate และ Enres โดยได้แบ่งการ pitching ออกเป็น 2 วัน ผู้เข้าร่วมนำเสนอผลงานแข่งขันกันอย่างดุเดือด ทีมที่คว้ารางวัลชนะเลิศไปครองได้แก่ Onestockhome ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับให้ข้อมูลและซื้อขายอุปกรณ์ก่อสร้างที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อจากโรงงานผู้ผลิตได้โดยตรง
ความเป็นมาของผู้ชนะ
ทั้งนี้ ทาง Thumbsup มีบทสัมภาษณ์ คุณอนวัช คิมหสวัสดิ์ ผู้ก่อตั้ง OneStockHome ที่เล่าถึงความเป็นมาและจุดเริ่มต้นของธุรกิจนี้ให้ฟังว่า แนวคิดในการสร้าง OneStockHome ขึ้นมานั้น มาจากความต้องการของคุณพ่อ ซึ่งมองเห็นอนาคตในกลุ่ม Big Player จะเข้ามากินส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น หากเราจะอยู่รอดได้ก็ต้องมองหาโอกาสใหม่ๆ จากประสบการณ์ของที่บ้านที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับวงการก่อสร้างมานานกว่า 40 ปี โดยช่วงเริ่มต้นเมื่อ 6-7 ปีก่อน วงการก่อสร้างอาจจะไม่ได้เน้นในเรื่องของการขายมากนัก รวมทั้งเรื่องของโลกออนไลน์กับธุรกิจนี้ยังมีไม่มาก ก็เลยอยากจะเข้ามาเพื่อเป็น First Player ในกลุ่มนี้
“ช่วงแรกของการทำ OneStockHome จะเป็นแค่เว็บไซต์ให้ข้อมูลเฉยๆ พอทำไปสักพักเห็นว่ามี Demand จากลูกค้าเยอะขึ้น ผมจึงเข้ามาดูแลด้านนี้เต็มตัวร่วมกับพี่สาวที่ต่างก็มีประสบการณ์ในการทำงานบริษัทเอกชนชั้นนำ มาผสมรวมกับความรู้และประสบการณ์ของคุณพ่อทำให้มีข้อมูลเชิงลึกที่ดีและนำมาวิเคราะห์ เพื่อทำความเข้าใจลูกค้าออนไลน์ว่าทำไมถึงเข้ามาหาเรา รวมทั้งมองให้ออกว่าลูกค้ามี PainPoint อะไร ซึ่งก็ต้องพยายามปรับปรุงเรื่องต่างๆ ให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้ามากขึ้น”
ทางด้านระบบของ OneStockHome นั้น จะเน้นเรื่องการให้ข้อมูลเกี่ยวกับวงการวัสดุก่อสร้าง เมื่อลูกค้าต้องการข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าหรือสินค้าใดก็ตาม จากที่เป็นออฟไลน์มากๆ ก็ปรับเข้ามาเป็นออนไลน์ตามพฤติกรรมของลูกค้าจนกลายมาเป็นจุดขาย ทำให้ช่องทางของการให้บริการผ่านรูปแบบเว็บไซต์น่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะสะดวกกับลูกค้ามากกว่าการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน
นอกจากนี้ ลูกค้าที่เข้ามาใช้งาน จะมาจากการค้นหาผ่าน Google เป็นหลัก ทำให้บริษัทเน้นเรื่องของการทำ SEO และการทำ Keyword ที่ตอบโจทย์การค้นหา ตรงกับความต้องการของลูกค้า น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มีการค้นหาเกิดขึ้น ไม่ว่าจากคอมพิวเตอร์ โน้ตบุค หรือมือถือก็จะเห็น OneStockHome เป็นอันดับต้นๆ และสามารถกดเข้ามาใช้งานได้อย่างง่ายดาย
ก้าวต่อไปของ OnestockHome
ทางด้านผลประกอบการของบริษัทตั้งแต่เปิดให้บริการมานั้น ปี 2017 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายกว่า 300 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ถึง 82% ส่วนทิศทางรายได้ในปี 2018 นี้ แม้จะผ่านมาเพียงครึ่งปีบริษัทก็สามารถมีรายได้เติบโตเกือบเท่ากับปีที่แล้วคาดว่าผลสรุปปลายปีจะมีตัวเลขที่ดีเช่นกัน
เนื่องจากลูกค้าของ OneStockHome ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้รับเหมาระดับกลางถึงขนาดเล็กที่มีรายได้ไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นการค้นหาผ่าน Google และเข้ามาในระบบเว็บไซต์ของบริษัท ที่มีความต้องการในสินค้าโดยตรง ทำให้บริษัทมีการวิเคราะห์ข้อมูลจากการค้นหา เช่น ชนิดหรือประเภทของสินค้า แบรนด์ที่ต้องการ หรือลักษณะการทำงานเป็นหลัก เพื่อให้เข้าใจลูกค้าได้ดีกว่าเดิม
ทางบริษัทจะมีการเก็บข้อมูลของลูกค้าผ่าน Search ทุกวัน สิ่งที่ได้นอกจากการพัฒนาไปเป็น Smart Search แล้ว ยังสามารถนำข้อมูลต่างๆ ไปเสนอแก่โรงงานผู้ผลิตทำให้เข้าใจถึงความต้องการทางตลาดได้ด้วย
“เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจพฤติกรรมซึ่งกันและกัน ก็จะสามารถผลิตหรือพัฒนาสินค้าใหม่ๆ จนเกิดนวัตกรรมขึ้น เช่น โรงงานสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปปรับแก้ พัฒนาหรือปรับปรุง เพื่อผลิตสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ตลาดได้ดีกว่าเดิมและรักษาโอกาสทางธุรกิจของพวกเขาให้ดีขึ้นอีกด้วย” อนวัช กล่าว
ดังนั้น บริษัทจึงมีการแบ่งเป็นทีม Data และ Technology เพื่อสนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกัน ซึ่งขณะนี้มีพนักงานกว่า 23 คน ส่วนมากเป็นคนรุ่นใหม่ที่คัดเลือกมาจากกลุ่มคนที่มีประสบการณ์การทำงานจากต่างประเทศ มาช่วยในการทำระบบต่างๆ ให้ดีขึ้น รวมทั้งยังเฟ้นหาคนที่มีคุณภาพทั้งฝีมือด้านการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ และประสบการณ์ในธุรกิจก่อสร้าง มาช่วยมองหาโอกาสใหม่ๆ ให้ธุรกิจด้วย
เป้าหมายหลักของ OneStockHome คือ ต้องการที่จะสร้างความคล่องตัวและลดขั้นตอนการทำงาน ช่วยให้การซื้อขายสินค้าในวงการก่อสร้างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาระบบทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน เพื่อเพิ่มความสามารถในการให้บริการลูกค้าทุกคน ด้วยรูปแบบเว็บไซต์ที่เข้าใจง่ายและ User Friendly ไม่ว่าจะเข้าใช้งานจากช่องทางใดก็ตาม
นอกจากนี้ ยังจะเน้นการนำเสนอแพ็กเกจสำหรับลูกค้าที่มองหาผู้รับเหมาและอุปกรณ์วัสดุก่อสร้างพร้อมๆ กัน ถือว่าเป็นการรวมสินค้าและบริการผ่านแพคเกจ ที่น่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่าแค่สินค้าเพียงอย่างเดียว
โอกาสจากสิริ เวนเจอร์สและพาร์ทเนอร์ระดับโลก
การได้รับคัดเลือกจากสิริ เวนเจอร์ส ร่วมกับพาร์ทเนอร์สระดับโลกอย่าง SOSA และ Plug and Play นั้น อนวัช มองว่าทุกทีมที่เข้าแข่งขันต่างก็มี Business Model ที่น่าสนใจอยู่แล้ว เพียงแต่ OneStockHome มั่นใจว่ามีประสบการณ์ในวงการก่อสร้างมาอย่างยาวนาน แม้จะเพิ่งจดทะเบียนบริษัทได้เพียง 2 ปีก็ตาม รวมถึงบริษัทยังมี Passion ในการทำธุรกิจนี้ให้ประสบความสำเร็จมากขึ้นกว่าเดิมจึงเป็นจุดแข็งให้ได้รับชัยชนะในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดหวังว่าการเดินทางไป Silicon Valley จะสามารถสร้างโอกาสและนำองค์ความรู้ใหม่ๆ มาช่วยสร้างไอเดียในการพัฒนาสินค้าและบริการได้มากขึ้น ก่อให้เกิดทิศทางของรายได้ที่ดี และขยายโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ไปสู่กลุ่มลูกค้าได้หลากหลายขึ้น
“การได้รับรางวัลชนะเลิศในครั้งนี้ทำให้บริษัทมีโอกาสในการนำประสบการณ์ที่หลากหลายรวมทั้ง Ecosystem ของสิริ เวนเจอร์สและแสนสิริ มาใช้พัฒนาสินค้าและบริการให้ดีกว่าเดิม เพราะทั้งคู่ต่างก็อยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และมีเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการอยู่อาศัยเช่นกัน” อนวัช กล่าวทิ้งท้าย
ก็ต้องขออวยพรให้กับ Onestockhome ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังในการเดินทางครั้งสำคัญนี้ ส่วนสตาร์ทอัพรายอื่นๆ ที่ต้องการเปิดประตูทางโอกาสในการได้รับความสนับสนุนจากสิริ เวนเจอร์สและโอกาสอีกมากมายก็ลองยื่นใบสมัครกันดูในปีหน้าเพื่อหนุนให้ประเทศไทยมีสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นให้เกิดขึ้นในวงการอสังหาริมทรัพย์ได้จริงเสียที
เวทีของสิริ เวนเจอร์ส ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประตูแห่งความสำเร็จเพื่อก้าวขึ้นสู่เวทีระดับโลกของเหล่าสตาร์ทอัพไทย รวมทั้งเป็นก้าวสำคัญในการสร้าง ecosystem สำหรับสตาร์ทอัพด้าน PropTech ในประเทศไทยให้เกิดขึ้น
ก่อนหน้านี้ ทางสิริ เวนเจอร์สได้มีการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- กังหันลมจาก Semtive – ครั้งแรกของประเทศไทยกับการติดตั้งกังหันลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าในโครงการที่อยู่อาศัย โดยสิริ เวนเจอร์ส ได้ลงทุนเป็นจำนวน 15 ล้านบาทใน Semtive เพื่อพัฒนาโครงการกังหันลม ที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับโครงการที่อยู่อาศัย
- Sandee หุ่นยนต์ส่งพัสดุและเอกสารตามห้องพักในคอนโดมีเนียม พร้อมระบบเซ็นเซอร์ที่สามารถขึ้น–ลงลิฟต์เองได้ ในอนาคตมีโอกาสพัฒนาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจตามโครงการและติดกล้องสำหรับดูแลรักษาความปลอดภัย
- Home Service App แอปพลิเคชันในการติดต่อกับนิติฯ ช่วยเตือนเรื่องบิลต่างๆ และในอนาคตจะสามารถชำระค่าสาธารณูปโภคและส่วนกลางได้ ซึ่งปัจจุบันสามารถทำงานร่วมกับ Google Assistant เวอร์ชั่นภาษาไทย ซึ่งแสนสิริก็เป็นอสังหาริมทรัพย์แบรนด์แรกอีกเหมือนกันที่นำ Google Assistant มาใช้ในวงการอสังหาฯ
บทความนี้เป็น Advertorial