Siri Ventures เปิดทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2018 พร้อมผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมแผนลงทุนใน Startup ระยะยาว 3 ปี มูลค่า 1,500 ล้านบาท จับตาการลงทุน PropTech เพื่อเปลี่ยนการขายอสังหาริมทรัพย์ให้โปร่งใส่และรวดเร็วยิ่งขึ้นในอนาคต
คุณอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา แสนสิริรุกปรับองค์กรเพื่อรับกับ Digital Transformation เช่น พัฒนาการดำเนินงานภายในองค์กรแสนสิริให้ก้าวสู่การเป็น Performance Organization โดยมี Siri Ventures เป็นผู้เสาะหาและพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมใหม่ ๆ จากพาร์ทเนอร์ชั้นนำและสตาร์ทอัพต่าง ๆ ที่อยู่ในไทยและทั่วโลก
ด้านคุณจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท Siri Ventures จำกัด กล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภค เป็นความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการในยุคปัจจุบัน ที่จะต้องมีการเรียนรู้และปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนไป โดยในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาของ Siri Ventures ได้เสาะแสวงหาเทคโนโลยี (Technology Acquisition) มาให้กับธุรกิจและโครงการของแสนสิริ และแผนในปี 2018 ที่เปิดเผยออกมา จะเน้นเรื่องมุ่งต่อยอดธุรกิจและเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ โดยเน้นใน 3 ด้าน ประกอบด้วย
1) ด้านการลงทุนในสตาร์ทอัพ ซึ่งจะเน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับแกนธุรกิจหลักของแสนสิริ ด้วยงบประมาณ 1,500 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี เน้น 4 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ PropTech เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการอสังหริมทรัพย์, LivingTech เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย (โดยลงทุนในสตาร์ทอัพ Appysphere, OnionShack และ Techmatics ไปก่อนหน้านี้แล้ว), Health & Wellness Tech เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพและการใช้ชีวิต และ Construction Tech (เทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง)
“ในส่วนของ PropTech ซึ่งเกี่ยวข้องกับนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมด้านการซื้อขายแนวใหม่ การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ หรือ Know-How ใหม่ ๆ ที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้หลากหลายยิ่งขึ้น เรามองถึงการทำ Online Agent ที่เราจะทำอย่างไรการซื้อขายถึงจะ Transparent ขึ้นและเมื่อลูกค้าอยากจะได้บ้าน ทำอย่างไรให้ลูกบ้านได้บ้านหรือห้องได้เร็วขึ้น” คุณจิรพัฒน์กล่าว
ล่าสุด Siri Ventures ยังได้ร่วมมือกับสตาร์ทอัพแพลตฟอร์มระดับโลก 2 ราย คือ “Plug and Play” จากซิลิคอน วัลเล่ย์ส สหรัฐอเมริกา และ “SOSA” จากอิสราเอล ซึ่งทั้งสองเป็นเครือข่ายของสตาร์ทอัปเกือบหมื่นรายจากทั่วโลก
2) ด้านความร่วมมือในการผลักดันให้เกิดระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพ (Ecosystem Partner) โดยการจับมือกับพันธมิตร (เช่น Microsoft Thailand ในการร่วมสนับสนุนการแข่งขันพัฒนานวัตกรรมสำหรับนักศึกษา “Microsoft Imagine Cup Thailand 2018” ในหัวข้อการแข่งขัน Smart Living on the Cloud) เพื่อยกระดับระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพด้าน PropTech และ LivingTech ในไทยและภูมิภาคให้เติบโตอย่างยั่งยืน
3) พัฒนาต่อยอดนวัตกรรม โดยดึงสตาร์ทอัพในกลุ่ม LivingTech ที่ได้ลงทุนไว้ มาช่วยพัฒนาให้ “Sansiri Home Service Application” สร้างประสบการณ์ของลูกบ้านแสนสิริให้ดียิ่งขึ้น
“ในปีนี้เราจึงวางแผนระยะยาวในการขับเคลื่อน ด้วยงบประมาณลงทุนต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งสิ้น 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะครอบคลุมทั้งส่วนงานการพัฒนาเทคโนโลยี การลงทุนร่วมกับพันธมิตร รวมทั้งการร่วมทุนกับสตาร์ทอัพชั้นนำทั้งในประเทศและระดับโลก นอกจากนี้ในอนาคตยังมีแผนต่อยอดความร่วมมือในประเทศอื่น ๆ อาทิ ฝรั่งเศส หรือ จีน เพื่อร่วมขับเคลื่อนให้เกิดระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพในประเทศไทยที่สมบูรณ์แบบและยั่งยืนอีกด้วย” คุณอุทัยกล่าวปิดท้าย