สำหรับวัยรุ่นในยุคนี้ เรียกได้ว่ากระแสต่างๆ มีมาให้เดินตามได้ไม่มีหยุดหย่อน ไหนจะสมาร์ทโฟน ไหนจะแฟชั่นการแต่งตัว และคงจะลืมไม่ได้เลยกับเทคโนโลยีแห่งโลกออนไลน์และดนตรีผสมแฟชั่น K-Pop ที่มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นทั่วทั้งเอเชียจนลามไปถึงฝั่งตะวันตก และเจ้าแห่ง K-Pop เองก็ได้เห็นถึงกระแสเหล่านี้ จนล่าสุดยักษ์ใหญ่แห่งวงการบันเทิงเกาหลีก็ได้ผลักกลยุทธ์ใหม่ในการผลักดันศิลปินด้วยการผสมเสน่ห์ของตัวไอดอล, ดนตรีและแฟชั่น เข้ากับโลกออนไลน์ ภายใต้โครงการที่เรียกว่า I AM
I AM เป็นโครงการผลิตภาพยนตร์ของค่ายเพลงอันดับหนึ่งของเกาหลีที่ชื่อ SM Entertainment (ที่ในบ้านเรามีการร่วมทุนกับกลุ่ม True และใช้ชื่อว่า SM True) เพื่อต่อยอดผลงานของศิลปินในค่าย โดยจะเป็นการเล่าเรื่องที่มา ความเป็นไป ชีวิตประจำวัน แฟนคลับ เบื้องหลังการทำงาน ฯลฯ ของไอดอล ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Girls’ Generation, Super Junior, TVXQ (ดงบังชินกิ) ฯลฯ ซึ่งฟังดูแล้วอาจจะเป็นสิ่งที่เราเห็นได้ทั่วไปในวงการบันเทิงทั่วโลก เพราะเป็นกลยุทธ์ที่ค่ายเพลงมักจะทำเพื่อต่อยอดผลงานให้กับศิลปินและอัลบั้มเพลง รวมถึงผนวกเรื่องของแฟชั่นเข้าไปเพื่อทำให้รูปแบบความบันเทิงครบวงจร
แต่ด้วยกระแสของโลกออนไลน์ที่มาแรง ประกอบความแข็งแรงของกลุ่มแฟนคลับ K-Pop ทั่วโลกที่เรียกได้ว่ามีความคลั่งใคล้ในตัวศิลปินอย่างสูง ทำให้ SM Entertainment เองเห็นโอกาสในการต่อยอด จึงใช้ความแข็งแรงทั้งสองมาต่อยอดโครงการภาพยนตร์นี้ โดยเปิดให้แฟนคลับหรือบุคคลทั่วไปสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ โดยการใช้โมเดล UCC (User-Created Contents) หรือการสร้างคอนเทนต์โดยผู้ใช้ทั่วไป ซึ่งด้วยโมเดลนี้ แฟนคลับหรือบุคคลทั่วไปสามารถสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอเพื่อส่งเข้าร่วมประกวดภายใต้โครงการ I AM UCC Project ได้อย่างไม่มีข้อจำกัดในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ขอเพียงมีความเกี่ยวข้องกับศิลปิน ดนตรี หรือแฟชั่นของ SM Entertainment นั่นเอง จากนั้น 10 ผลงานที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าไปอยู่เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ I AM ที่จะเข้าฉายในปีนี้ด้วย
ลองดูตัวอย่างที่ได้รับคัดเลือกกันครับ จะเห็นว่าผลงานชิ้นนี้ถูกผลิตโดยแฟนคลับที่เป็นฝรั่งเสียด้วย
งานทั้ง 10 ชิ้นได้รับการประกาศเรียบร้อยแล้ว ใครที่อยากเห็นผลงานอื่นๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่
ความน่าสนใจของโครงการ I AM UCC อยู่ที่ผลลัพธ์ที่ของการส่งผลงานเข้าประกวด
จะเห็นว่าประเทศที่มีการส่งผลงานเข้าประกวดมากที่สุดกลับเป็นสหรัฐอเมริกาที่คิดเป็นสัดส่วนถึง 13.6% ในขณะที่บ้านเรากลับไม่ติดอยู่ในสถิติเลย ตัวเลขนี้สื่อให้เห็นกลายๆ ว่าความเข้าใจ ความคุ้นชิน รวมถึงความคิดสร้างสรรค์และความอยากมีส่วนร่วมบนโลกออนไลน์ของแฟนคลับ K-Pop ไทยยังน้อยอยู่มากเมื่อเทียบกับวัยรุ่นหรือกลุ่มแฟนคลับในส่วนอื่นๆ ของโลก
ดังนั้นหากใครคิดจะใช้ช่องทางออนไลน์เล่นกิจกรรมการตลาดกับแฟนคลับ ลองศึกษาให้ลึกก่อนนะครับว่ากลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมที่ตรงกับกิจกรรมแล้วหรือยัง ซึ่งแม้นี่จะไม่ใช่ตัววัดที่ชัดเจน แต่ก็เป็นตัวชี้ที่ทำให้เราสามารถระวังก่อนที่จะทุ่มงบกับการทำกิจกรรมการตลาดใดๆ ได้
ส่วนใครที่อยากเห็นตัวอย่างหนังลองดูได้จากที่นี่ครับ
http://youtu.be/t40MdEdBKeo
ที่มา:?MNET