เมื่อโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คกลายเป็นอีกช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า การลงกิจกรรมทางการตลาดบนโลกออนไลน์ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมากนัก แม้ว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับสินค้าโบราณ หรือของในยุคเก่าๆ ก็ยังมีการทำตลาดบนโลกออนไลน์ แต่สิ่งนี้จะจำเป็นต่อทุกธุรกิจหรือไม่นั้น ก่อนอื่นเราต้องวิเคราะห์ความคุ้มค่าเสียก่อน
มีคำแนะนำจาก David Kyle ผู้เขียนบทความนี้ ซึ่งเป็นผู้จัดการด้าน Ecommerce ได้ให้ทริคดังนี้
ต้องทราบว่าลูกค้าของเรามาจากไหน
ธุรกิจขนาดเล็กจำเป็นต้องทราบว่าเหล่าผู้ชมสินค้าของเราที่จะมากลายเป็นลูกค้านั้นมาจากไหน หรือลูกค้าประจำเหล่านั้นค้นพบธุรกิจเราได้อย่างไร หลังจากนั้นให้พัฒนาและลงกลยุทธ์ในช่องทางนั้น แต่ไม่ควรลงทุนลงแรงไปกับการตลาดบนโลกออนไลน์ ในขณะที่ยังไม่มีข้อมูลใดๆ หรือทำในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสร้าง Content Marketing
และนี่เป็นตัวอย่างจาก Norfrost บริษัทผู้ผลิตตู้แช่แข็ง แม้จะมีรูปแบบเว็บไซต์ที่ดูใช้งานง่าย สามารถดึงให้ผู้ท่องเว็บฯเข้ามาชมผลิตภัณฑ์ได้ มีข้อมูลตัวสินค้าครบถ้วน แต่ในส่วนของ “Family Organiser” ที่ทางเว็บฯจัดทำขึ้นมานั้น ได้ลิงก์ไปสู่คลิปวิดีโอแนะนำเมนูอาหาร จาก Norfrost บน YouTube เป็นสิ่งที่ผู้เขียนกล่าวว่า “เป็นวิดีโอที่ถูกแช่แข็งเสียเอง” เนื่องจากมียอดรับชมเป็นจำนวนน้อย (ส่วนมากมักไม่เกิน 60 ครั้ง และอาจเป็นไปได้ว่าผู้ชมส่วนนี้มาจากคนที่เกี่ยวข้องกับการทำวิดีโอ หรือญาติพี่น้องของพวกเขามากกว่า) และยังไม่มีส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับจุดขายเลย สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรเสียเวลาในการลงทุนลงแรงทำคลิปวิดีโอ อย่างไรก็ตาม บริษัทควรจัดทำวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของตนเอง มีความยาว 2 นาทีมากกว่า เช่น ประโยชน์ของตู้แช่แข็งรุ่น 60L เป็นต้น
สรุปได้ว่า ก่อนทำ Content ใดๆ ควรพิจารณาดังนี้
- Content เกี่ยวข้องกับอะไร ?
- ผู้บริโภคได้ประโยชน์อะไรกับข้อมูลในส่วนนี้ ?
- สามารถช่วยขายสินค้าได้มากขึ้นหรือไม่ ?
จำเป็นไหมสำหรับการลงแรงใน Facebook, Twitter, G+ และ YouTube
ทุกธุรกิจควรมีการแสดงตัวตนสู่สาธารณะ แต่พยายามลงทุนในส่วนที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับสิ่งที่ธุรกิจได้รับกลับมาจากสังคมออนไลน์ ผลตอบแทนจากการลงทุนโฆษณาผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คจะคุ้มค่าหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการลงแรงของเรานั้นตรงใจลูกค้าขนาดไหน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในการลงแรง ควรเพิ่มในส่วนเนื้อหาที่สร้างประโยชน์กับตัวสินค้าและบริการของเราในแต่ละสื่อออนไลน์ จะดีกว่าทุ่มเวลาไปกับสื่อเดียว
นอกจากนี้ สถิติเป็นตัวชี้วัดวิธีการเลือกใช้กลยุทธ์ออนไลน์ เห็นได้จากตัวอย่างเดิม สถิติจำนวนผู้ชมที่มากที่สุดของคลิปวิดีโอจาก Norfrost ในทุกวันนี้คือ 133 ครั้งจากคลิปวิดีโอแนะนำเมนูอาหาร แต่เมื่อเทียบกับสมัยปีที่แล้ว มีคลิปที่มีผู้ชมเข้าชมถึง 4 พันครั้ง จากการสาธิตวิธีการปรับอุณหภูมิในช่องแช่แข็งของตู้ Norfrost เห็นได้ชัดว่าต่อไปทาง Norfrost ควรลงคลิปประเภทไหนถึงเรียกผู้ชมได้ดีกว่า
และสุดท้าย ผู้เขียนแนะนำว่าให้ใช้สถิติมาช่วยในการตัดสินใจการลงทุนบนโลกออนไลน์ แต่อย่าใช้ความคิดเห็นมาเป็นตัวตัดสินการก้าวเดินไปข้างหน้าของธุรกิจของคุณ
ที่มา : Econsultancy