ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่เป็นระบบข้อความสั้น SMS นี้เองที่ถูกยอมรับว่าเป็นกุญแจหลักเพื่อให้แบรนด์สามารถทำตลาดหลายช่องทางได้อย่างทรงประสิทธิภาพ ถือเป็นข้อสรุปสำคัญที่ทำให้เราทุกคนสามารถตอบคำถามว่าจะใช้อุปกรณ์โมบายล์เพิ่มผลตอบแทนการลงทุนหรือ ROI ได้อย่างไร?
ถึงแม้ว่าปัจจุบัน เครื่องมือที่ใช้ในการทำการตลาดจะมีรูปแบบให้เลือกหลากหลายและมีความทันสมัยมากขึ้น แต่เครื่องมือในรูปแบบดั้งเดิมอย่าง SMS ก็ยังคงนิยมและได้รับความเชื่อมั่นจากกลุ่มนักการตลาดว่าเป็นเครื่องมือในการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพอันดับต้นๆในเวลานี้ ซึ่งปัจจุบัน SMS ถูกประยุกต์เพื่อนำไปใช้งานควบคู่กับการทำการตลาดอีกหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น อีเมลและโซเชียลมีเดีย บนมีเป้าหมายหลักเพื่อต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดให้ได้ผลตอบรับที่ดียิ่งขึ้น
เว็บไซต์ Dynmark.com ที่ได้สำรวจข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน SMS ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ SMS ยังคงเป็นที่นิยมในกลุ่มนักการตลาด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกระแสความนิยมในการใช้งานโทรศัพท์มือถือที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในช่วงปลายปี 2013 จำนวนการใช้งานโทรศัพท์มือถือเพื่อเป็นช่องทางในการใช้งานอินเทอร์เน็ตจะมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นจนแซงหน้าการใช้งานคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในแบบเดิมที่เริ่มมีจำนวนลดลง
SMS ยังมีจุดเด่นในเรื่องของการใช้งานที่ทั้งสะดวกและรวดเร็ว โดย 22% ของกลุ่มตัวอย่างที่ทำการสำรวจระบุว่า ชื่นชอบการใช้งาน SMS เนื่องจากใช้งานง่ายและสะดวกกว่าการติดต่อผ่านช่องทางอื่น เช่น การพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ ในขณะที่อีก 20% ระบุว่าชื่นชอบการใช้งาน SMS เนื่องจากมีความรวดเร็วทันใจ
การส่งข้อความในรูปแบบของ SMS ยังมีแนวโน้มการเปิดอ่านจากผู้รับสูงถึง 97% ในขณะที่การส่งข้อความผ่านช่องทางอื่น เช่น อีเมล กลับมีแนวโน้มการเปิดอ่านเพียงแค่ 5% เท่านั้น นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบว่า 29% ของผู้บริโภคที่ได้รับข่าวจากผ่านทาง SMS จะมีการตอบสนองและมีแนวโน้มการซื้อสินค้าสูงถึง 49%
ถึงตอนนี้ SMS ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำการตลาดที่ถูกนำไปใช้งานเพื่อเป็นช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ รวมไปถึงยังช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค และยิ่งไปกว่านั้น SMS ยังถูกนำไปใช้งานร่วมกับการทำการตลาดอีกหลากหลายประเภท ทำให้พบว่าหลังจากนำ SMS ไปใช้งานควบคู่กับการส่งอีเมลแล้ว จะสามารถเพิ่มแนวโน้มการเปิดอ่านข้อความผ่านอีเมลได้เพิ่มสูงขึ้นอีก 20%
ที่มา: Visual.ly