ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา อีกหนึ่งเรื่องราวบนโลกออนไลน์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับแบรนด์คงหนีไม่พ้น #แบนชีสเค้กเซเว่น หลังถูกมองว่าทุ่มตลาดและตัดโอกาสผู้ค้ารายย่อย
โดยก่อนหน้านี้เกิดกระแสผู้บริโภคตามล่า ‘ชีสเค้ก’ ที่วางขายในเซเว่นอีเลฟเว่นจนเกลี้ยง เนื่องจากมีรสชาติอร่อยถูกใจและมีราคาเพียง 39 บาทเท่านั้น
จนกระทั่ง ผู้บริหารแบรนด์ ‘ศรีฟ้า’ เจ้าของชีสเค้กยอดนิยมให้สัมภาษณ์กับประชาชาติธุรกิจถึงเบื้องหลังความสำเร็จของสินค้าว่า
“สินค้าไม่พอขาย มีคนมาถามหาซื้อจำนวนมาก ทางเซเว่นฯสั่งให้ผลิตเพิ่มเป็น 26,000 ชิ้นต่อวัน แต่เราผลิตให้ได้เพียง 24,000 ชิ้นต่อวัน และครีมชีส 17 ตัน หมดเกลี้ยงภายใน 2 สัปดาห์แรก”
“หากคนอยู่ในวงการเบเกอรี่จะสังเกตได้ว่า ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ครีมชีสยี่ห้อต่างๆ จากออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หายไปจากท้องตลาดหมดเกลี้ยง เพราะผมไปกว้านซื้อไว้ทั้งหมด ครีมชีสลอตใหม่ที่สั่งขนส่งทางเรือต้องใช้เวลาเดินทางอีก 2 เดือน”
จนเกิดกระแสดราม่า #แบนชีสเค้กเซเว่น เนื่องจากผู้บริโภคมองว่าเป็นการทุ่มตลาดแบบปลาใหญ่กินปลาเล็ก รวมถึงเป็นการตัดโอกาสของผู้ค้ารายย่อย
ล่าสุด บริษัทศรีฟ้าเบเกอรี่ ออกมาชี้แจงดราม่าว่าไม่ได้ตัดโอกาสผู้ค้ารายอื่นเนื่องจากเป็นการสั่งซื้อในระดับอุตสาหกรรม โดยระบุว่า “เราไม่ได้นำวัตถุดิบที่จำหน่ายโดยทั่วไป ร้านค้ารายย่อย หรือวัตถุดิบจากแหล่งการผลิตนอกเหนือจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มาใช้ในกระบวนการผลิตแต่อย่างใด”
บทเรียนครั้งสำคัญ
กลายเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับแบรนด์และนักการตลาด ไม่ว่าสินค้าจะเป็นที่นิยมหรือมีคุณภาพดีแค่ไหน หากมีการสื่อสารความเชื่อ และทัศนคติของแบรนด์ไปยังผู้บริโภคแบบผิดๆ ก็ทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์เสียหายได้ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็ว
ผู้บริโภคมีทางเลือกมากกว่าเดิม การแข่งขันเพียงคุณภาพสินค้าก็ไม่เพียงพอที่จะชนะใจผู้บริโภค แบรนด์และนักการตลาดควรเก็บเป็นบทเรียนในการสื่อสารและสร้างแคมเปญให้ตรงกับใจของผู้บริโภคมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัท ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด จำกัด เป็นผู้ผลิตเบเกอรี่เจ้าดัง ในจังหวัดกาญจนบุรี โดยเป็นผู้ผลิต ต้นตำรับ “เค้กฝอยทอง” เค้กแช่แข็งกึ่งสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ ศรีฟ้า และ “ทองม้วน” แบรนด์ สุธีรา ตลอดจนแป้งพาย แป้งเดนิช แป้งขนมปังแช่แข็งกึ่งสำเร็จรูป
อ้างอิง ประชาชาติธุรกิจ