Social Discovery แม้ไม่ใช่คำใหม่อะไร แต่ช่วงนี้เว็บฯ ต่างประเทศจะมีการพูดถึงกันมากขึ้น เราลองไปทำความรู้จักกับคำคำนี้สักหน่อยดีกว่าค่ะว่ามันคืออะไรกันแน่ และ Facebook เกี่ยวข้องอย่างไร
Social Discovery เกิดขึ้นมาในยุค Web2.0 ที่ผู้คนบนโลกออนไลน์สร้างสายสัมพันธ์และต่างแบ่งปันข้อมูลกัน ถ้าเปรียบ Social Network คือโครงสร้าง Social Discovery เป็นเสมือนการค้นหา ค้นพบสิ่งที่เกี่ยวข้องและสนใจโดยอาศัยความสัมพันธ์บนโลก Social เป็นตัวเชื่อมโยง
ฟังดูแล้วก็ออกแนวคอนเซ็ป/ทฤษฎีที่จับต้องยาก แต่จริงๆ ทุกวันนี้เราก็มีโอกาสได้พบเห็นมันอยู่แล้วค่ะไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่พัฒนาแพลตฟอร์ม อาศัยจุดเชื่อมโยงของคนที่มีความสนใจคล้ายๆ กันมารวมกลุ่มกัน เช่น แพลตฟอร์มจำพวก Game Scoreboards อย่าง Apple’s Game Center, OpenFeint หรือ Niche Social Network จำพวกกลุ่มผู้รักหนังสือ เช่น Shelfari ที่ใส่รายละเอียดความสัมพันธ์กับคอนเทนต์ได้ว่า? มีแผนกำลังอ่านเล่มไหน, เล่มไหนซื้อมาแล้ว, เล่มไหนอ่านจบแล้ว, รีวิวหนังสือ ใครที่มีความสนใจในหนังสือเล่มนั้นเหมือนกันก็สามารถสอบถามกับเพื่อนได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังเป็นสังคมที่อยู่ในวงจำกัดอยู่
แต่มันเริ่มดูมีสีสันขึ้นมาทันทีเมื่อยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook ได้นำคอนเซ็ปของ Social Discovery มาใช้ให้เป็นเรื่องเป็นราวด้วย Open Graph API ชุดใหม่ที่เปิดตัวไปในงาน f8 เมื่อเกือบ 2 เดือนก่อน เดิมเราจะคุ้นเคยกับการกด Like นู่นนี่นั่น ซึ่งมันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น และให้ข้อมูลแค่ผิวเผินจริงๆ เพราะหลังจากนี้พวกเราจะสามารถระบุรายละเอียดที่ลึกมากขึ้นไปอีก โดยออกมาเป็นการกระทำอย่าง Listen, Watch, Cook
ด้วย Open Graph API ผู้พัฒนา app สามารถนำไปต่อยอดสร้างให้คนแสดงออกกับคอนเทนต์ของตนได้ และสามารถกระจายผ่านไปยัง Ticker, News Feed และ Timeline โดยเพื่อนๆ ของเราสามารถกดฟังเพลงจากหน้า Facebook ที่ปรากฏให้เห็นได้เลย ยกตัวอย่างผู้ให้บริการที่มาเป็นพันธมิตรกับ Facebook อาทิเช่น Spotify, MOG หรือถ้าหนังก็สามารถดูหนังบน Facebook ได้ จากผู้ให้บริการอย่าง Hulu,?Netflix เป็นต้น และเชื่อขนมกินได้ว่าย่อมส่งผลถึงกลุ่ม Social Commerce บน Facebook ในเวลาอันใกล้นี้ อย่างเช่น ผู้บริโภคสามารถบอกได้ว่าอยากซื้ออะไร, แสดงความเป็นเจ้าของว่าซื้อไปแล้ว, เชิญชวนเพื่อนมาซื้อสินค้า เป็นต้น และเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์กับผู้ขายเพราะจะเข้าใจว่าลูกค้าของตนอยู่ที่ Step ใด เช่น ซื้อสินค้าไปแล้ว ก็อาจจะสอบถามให้ช่วยรีวิวสินค้าได้
ดังนั้น Open Graph ชุดใหม่ (ยังไม่เปิดตัวสมบูรณ์) ที่ทาง Facebook ปล่อยมาจึงเป็นก้าวสำคัญของโลก Social Network และทำให้ Social Discovery ดูเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ในแง่ผู้บริโภคถือเป็นการเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งาน Social Network (แต่ถ้าใครเป็นพวกห่วง privacy ก็อาจถึงเวลาของการหายตัว :P) และในขณะเดียวกันก็เป็นจุดเริ่มที่จะช่วยคลายโจทย์ของแบรนด์ต่างๆ ในหลายปีที่ผ่านมาว่าทำอย่างไรถึงจะเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคมากกว่านี้ (แม้จะไม่มีวันจบก็ตาม) เพราะนับจากนี้ไปจะสามารถนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงตามความสนใจมากยิ่งขึ้น ผ่านการแสดงออกของผู้ใช้ และการเข้าร่วมของกลุ่มเพื่อนๆ ที่พบเห็นคอนเทนต์ที่ถูกแบ่งปันออกไปบน Facebook นั่นเอง
และสิ่งที่น่าติดตามหลังจากนี้คือ Facebook จะมี Business Model อะไรที่หวังจะสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมออนไลน์แห่งนี้….
สำหรับผู้ที่สนใจดูตัวอย่างกรณีศึกษาได้ที่นี่ สำหรับภาษาไทยแนะนำอ่านของคุณ @markpeak ใน blognone ค่ะ อธิบายได้เห็นภาพชัดดี