โฆษณาที่เราเห็นมาตั้งแต่สมัยก่อนๆ ก็คงจะเห็นได้ผ่านสื่ออย่างทางโทรทัศน์ และตามสิ่งตีพิมพ์ต่างๆ และด้วยกระแสการใช้งานของโซเชียลมีเดียที่แพร่หลายกันไปทั่วโลก (รวมถึงไทย) ในช่วง 10 ปีให้หลัง เราเลยเริ่มเห็นการทำโฆษณาบนนี้เพิ่มมากขึ้น จนเรียกได้ว่าการเป็นช่องทางแรกๆ ที่แบรนด์ต่างๆ นึกถึง เพราะทุนไม่ต้องมากมายก็สามารถทำได้ ไม่เหมือนกับสื่ออื่นๆ
ผมไปเจอ infographic ที่บอกเล่าเกี่ยวกับความเป็นมาเป็นไปในการทำโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย ที่เล่ามาเป็น Timeline รวมทั้งมีข้อมูลที่น่าสนใจมาให้อ่าน โดยผมจะสรุปกันเป็นช่วงปี ๆ ครับ
2003-2006
เป็นช่วงปีที่โซเชียลมีเดียชื่อดังในปัจจุบันได้เริ่มเปิดตัวให้มาใช้งาน โดยไล่ตั้งแต่ LinkedIn โซเชียลมีเดียสำหรับผู้เชี่ยวชาญและอาชีพ, Facebook ที่ชั่วโมงนี้ใครไม่รู้จักคงเป็นเรื่องแปลก, YouTube และ Twitter ทั้งหมดเกิดขี่นคนละปีครับ
สำหรับการโฆษณา Facebook ได้เริ่มก่อนเป็นเจ้าแรก โดยปี 2005 ถือเป็นปีแรกที่ Facebook Ad เปิดตัวเป็นครั้งแรก รวมทั้งมีการเปลี่ยน domain name จากเดิมที่เริ่มใช้ thefacebook.com กลายมาเป็น facebook.com จนมาถึงทุกวันนี้ และปี 2006 LinkedIn ก็เริ่มทำโฆษณาตามมาติดๆ
2007-2008
Foursquare ยักษ์ใหญ่ในด้าน Location-based ได้ถือกำเนิดขึ้น และเว็บบล็อก Tumblr ก็ถือกำเนิดเช่นกัน
และ Facebook ก็มีผู้ใช้ถึง 100 ล้านบัญชีโดยใช้เวลาเพียง 4 ปี
2009
สิ้นปี 2009 มีการประกาศรายได้ของการทำโฆษณาเป็นครั้งแรกๆ โดยตัวเลขที่ประกาศออกมาสูงถึง 764 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
2010
ถือเป็นปีที่มีความคึกคักอย่างมาก เพราะช่วงนี้มีจำนวนผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียเพิ่มสูงมากขึ้น ซึ่งก็มาจากการมีการใช้งานสมาร์ทโฟนที่มากขึ้น
ฝั่ง Facebook ก็มีการประกาศตัวเลขผู้ใช้งานสู่ 500 ล้านรายชื่อด้วยระยะเวลาทั้งหมด 6 ปีเท่านั้น และมีผู้เข้าใช้งาน 175 ล้านคนในทุก ๆ วัน รวมทั้งมีรายได้เกี่ยวกับโฆษณารวมกว่า 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกือบ 3 เท่า
ทางด้าน Twitter ก็เริ่มมีการหารายได้ด้วยการเปิดตัว Official Account และ Promoted Tweet รวมทั้งมี Trend ที่บอกแนวโน้มที่เกิดขึ้นบน Twitter และปลายปีก็มีการสรุปรายได้ที่เกิดขึ้น โดยมีรายได้ 44.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
2011-2012
2 ปีนี้คือยุคเฟื่องฟู่สุดๆ ที่ต่อเนื่องมาจากปี 2010 เนื่องจากการเข้าสู่ยุคทั้งการใช้งานสมาร์ทโฟน และยุคแท็บเล็ตที่เข้ามาแทนที่ PC เลยทำให้การเข้าถึงโซเชียลมีเดียทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะเข้าได้ทุกที่ทุกเวลาที่มีอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะ Facebook ที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างมากมายในช่วงนี้
Facebook เริ่มเปิด Facebook ADS API เพื่อออกมารองรับการทำโฆษณาให้กับนักพัฒนาอย่างเต็มที่ พร้อมกับเปิดตัว Sponsored Stories ซึ่งเป็นอีกประเภทในการทำโฆษณาบน Facebook และในส่วนของโมบายล์ก็มีการเปืดตัว Facebook Mobile Ads, Mobile Install App Ads ที่ออกมาตอบโจทย์ผู้ใช้งานบนโมบายล์ และเราเริ่มเห็นโฆษณาบน News Feed ด้วย ซึ่งทั้งหมดที่ทำออกมาสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับ Facebook โดยมีมูลค่ามากถึง 3,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2011
นอกจากนั้นแล้วช่วง 2 ปีนี้ก็ยังมีระบบต่างๆ ที่ออกมาสนับสนุนและสร้างรายได้จากโฆษณาอย่าง PMD (Preferred Marketing Developers Program) และ Facebook Exchange อีกด้วย
ในด้านการลงทุนแล้ว Facebook เริ่มเปิดขายหุ้น IPO เป็นครั้งแรกในปี 2012 นี้ รวมทั้งมีผู้ใช้งานถึง 1,000 ล้านรายชื่อ ซึ่งถือว่าเป็นโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดและตัวเลขก็ยังไม่หยุดอย่างง่าย ๆ รวมทั้งการเข้าซื้อ Instagram ที่ถือว่าเป็นดีลใหญ่ในช่วงนี้
ส่วน Twitter เริ่มมี API สำหรับการทำโฆษณาเกิดขึ้นและมีผู้ใช้งานมากถึง 200 ล้านคนแล้ว และมีรายได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
LinkedIn เปิด API สำหรับการโฆษณา และ Foursquare ก็เริ่มมีรายได้เข้ามาบ้างแล้วในช่วงปีนี้
และเมื่อสิ้นสุดปี 2012 เม็ดเงินของการทำโฆษณาบนโซเชียลมีเดียมีสูงถึง 4,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
2013
Twitter เพิ่งจะเริ่มปล่อย ADS API ออกมาและเริ่มขยายหาคู่ค้าในการทำโฆษณาเพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ส่วน Tumblr และ LinkedIn หันมาให้ความสำคัญด้านโมบายล์ด้วยการเปิดตัวโฆษณาบนโมบายล์
และดีลที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในปีนี้คงหนีไม่พ้น Tumblr ที่ถูก Yahoo! ซื้อไปเป็นเจ้าของ
ส่วน Facebook เองก็มีตัวเลขรายได้ เพียงแค่ 3 เดือนแรกก็มีมากถึง 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เข้าไปแล้ว และรายได้จากทางโมบายล์มีถึง 1 ใน 3
สุดท้ายก็เริ่มมีการคาดการณ์กันว่า อีก 4-5 ปีข้างหน้าจะมีเม็ดเงินในการทำโฆษณาบนโซเชียลมีเดียในสหรัฐสูงถึงหลัก 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งก็เป็นไปได้จริง
ทั้งหมดก็เป็นภาพรวมที่ผ่านมาของการทำโฆษณาบนโลกของโซเชียลมีเดีย ที่ทิศทางการใช้งานยิ่งจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และแน่นอนว่าโฆษณาก็จะถูกอัดเม็ดเงินหนักขึ้นทุกๆ ปี ทั้งนี้แล้วก็ต้องมาดูว่าแพล็ตฟอร์มในการโฆษณาในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะยังคงเป็นโซเชียลมีเดียอยู่ หรือเปลี่ยนเป็นไปในด้านอื่นครับ
ที่มา: Unified Social