เตรียมเจ๊งตั้งแต่มันยังไม่เจ๊ง ทำทุกอย่างเหมือนคุณกำลังทำธุรกิจวันสุดท้าย ผมเชื่อว่าถ้าร้านคิดแบบนี้ ทำแบบนี้ ยังไงคุณไม่มีทางเจ๊งหรอกครับ คุณจะเจอทางรอดของคุณ จะเจอว่าสุดท้ายแล้วจุดร่วมระหว่างคุณกับลูกค้า จุดที่พอดีมันคือจุดไหน
ธนพันธ์ วงศ์ชินศรี เจ้าของร้านเพนกวินอีทชาบู เจ้าของธุรกิจที่ชนะแคมเปญ COVID-19 Campaign สาขา Product & Service Innovation ร่วมกับทาง MK Restaurant และ Sukishi ได้เป็นหนึ่งในผู้ชนะที่จะมาแชร์ปัญหาและกลยุทธ์ในการอยู่รอดของธุรกิจว่าเขาทำอย่างไรให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ในช่วงวิกฤต COVID-19
จุดเริ่มต้นของเพนกวินอีทชาบู
คุณธนพันธ์ : เพนกวินอีทชาบู เกิดขึ้นเพราะธุรกิจทางบ้านเรามีปัญหาก็เลยมาคุยกับน้องว่าเราจะทำอะไรกันดี สุดท้ายก็เลยมาทำชาบู เพื่อเป็นธุรกิจที่บ้าน
ปรับแผนด่วนรับ Covid
คุณธนพันธ์ : ตั้งแต่ยังไม่เกิดวิกฤต เราเห็นสัญญาณก็รู้ว่าพนักงาน 200 คนไม่น่าคล่องตัว ก็เลยหาไขมันของธุรกิจว่าอยู่ตรงไหน จากนั้นปลายกุมภา ก็สั่งปิดสาขาสีลมเลย ทั้งที่เป็นสาขาที่ได้กำไร แต่คิดว่าถ้ายังเปิดอยู่จะเป็นไขมันก้อนใหญ่ จนช่วงปลายมีนาคม ก็สั่งปิดสาขาท่ีสองก่อนที่จะเกิดโควิด จากนั้นเราก็ส่ังให้พนักงานกักตุนอาหาร เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดวิกฤตนานแค่ไหน แต่จะต้องให้พวกเขามีกินมีใช้ในช่วงที่ต้องหยุดงาน
พอเราปิดสาขาสยามและดาวน์ไซต์บริษัทลง วันต่อมาก็โดนส่ังปิดร้าน การดาวน์ไซต์ไม่ใช่การไล่ออกแต่เป็นการให้พนักงาน Leave without pay และเปลี่ยนจากการรับเงินเดือนเป็นลูกจ้างรายวันหมดเลย เพื่อทำให้บริษัทตัวเบาที่สุด คล่องตัวในการหา Business Model ใหม่ๆ ที่จะทำขึ้นมาในช่วงโควิดครับ
ปรับตัวธุรกิจ-มองหาพาร์ทเนอร์
คุณธนพันธ์ : เราเป็นร้านชาบูที่ไม่มีเดลิเวอรี่เลย เพราะฉะนั้นพอเกิดโควิดขึ้นมา แบรนด์เราเหมือนเริ่มนับใหม่จากศูนย์ทุกอย่างเลย ใช้เวลาทำเมนูทุกอย่างภายใน 2 วัน เอาพนักงานเรามาเป็นคนขับเอง พรีออเดอร์ด้วยระบบตัวเอง ยังไม่ได้ไปพึ่งพาแพลตฟอร์ม
หลังจากนั้นเราก็ไม่สามารถส่งสินค้าด้วยตัวเองได้ เราก็มาร่วมกับระบบโลจิสติกส์ห้องเย็นทำระบบร่วมกันขึ้นมาในการส่งโลจิสติกส์ให้กับลูกค้าทั่วกรุงเทพ รวมถึงการร่วมมือกับบางแบรนด์ในการทำเมนูร่วมกัน ร่วมมือกับผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าก็คือแคมเปญแจกหม้อ ซึ่งโดนห้างสรรพสินค้าใหญ่ยกเลิกออเดอร์เพราะโควิด ก็มาร่วมทำพรีออเดอร์กัน จริงๆ ก็มีการร่วมกับหลายๆ แบรนด์มากในการพัฒนาสินค้าและบริการให้กับลูกค้าในช่วงที่เกิดโควิด
นโยบายภาครัฐช่วยธุรกิจไหม
คุณธนพันธ์ : เราเข้าใจภาครัฐนะครับ ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจก็ค่อนข้างไม่ดี ก็คงสับสน แต่บางสิ่งก็ขาดความชัดเจน ขาดการวางแผนล่วงหน้า กฎที่ออกมาก็ไม่ได้เอาความคิดของผู้ประกอบการเข้าไปใส่ เหมือนเป็นการโยนภาระบางอย่างให้กับผู้ประกอบการ
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำคือ ไม่ต้องรอความชัดเจน คงไม่ได้รอว่าอะไรคือตัวอย่างที่ดี แต่เราคิดอะไรได้ก็ทำ เราไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ห้ามทำ อะไรคือสิ่งที่ถูก เราต้องลงมือทำเผื่อว่าอาจจะเป็นตัวอย่างที่ดี หากถูกต้องหรืออาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีก็ได้ถ้าไม่ถูกต้อง แต่อย่างน้อยก็ได้เริ่มลงมือทำอะไรสักอย่าง สิ่งที่เพนกวินทำคือคิดอะไรได้ก็ทำ ไม่รอให้มันพร้อม ก็แค่ไม่รอให้มันชัดเจน
ฟีดแบ็คลูกค้า
คุณธนพันธ์ : ดีมาก ลูกค้าจองเต็มตลอด ต้องบอกว่าลูกค้าก็มี Learning curve ใหม่ๆ เขาพร้อมเรียนรู้ไปกับเรา หลายคนบอกว่ามันจะทำให้ประสบการณ์ทานอาหารลดลงไหม ตั้งแต่วันแรกเลยเราไม่เชื่อว่ามันจะลดลง แต่เราเชื่อว่าประสบการณ์มากขึ้นด้วย เขาจะมาเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอ เขาจะอยากมาลองความสนุกใหม่ๆ สิ่งสำคัญคือร้านอาหารต้องหา Business Model ยังไงก็ตามสิ่งที่ทำให้ลูกค้าอยู่กับสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้ โดยที่ยังได้กำไรอยู่ เพราะเขาพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ ผมว่าอันนี้คือโจทย์ที่ยากมากกว่า ลูกค้าเป็นคนที่พร้อมทดลองอะไรใหม่ๆ เสมอหากเรามีแนวทางของ Business Model ที่ดึงดูดเขามากพอ
ธุรกิจร้านอาหารในอนาคต
คุณธนพันธ์ : คงเป็นอะไรที่มันเทาๆ ไม่มีอะไรที่มันชัดเจน ผมว่าเราคงทำอะไรแบบเดิมไม่ได้ เพนกวินคงไม่เรียกว่า New Normal แต่เรียกว่าหลังจากนี้คงไม่มีที่เป็น Normal อีกต่อไป เหมือนกับที่เราเจอโควิด เราคิดว่าโควิดจะอยู่นาน สุดท้ายแปปเดียวก็กลับมาเปิดร้านได้
แต่ก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะกลับไปปิดร้านอีกรึเปล่า ไม่รู้ว่าจะเจอวิกฤตใหม่อีกรึเปล่า เพราะฉะนั้นสิ่งที่เพนกวินทำคือ ทำให้เหมือนกับว่าโควิดไม่ได้หายจากเราไป โควิดจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต จะมี New Normal มาตลอดทุกวัน เพราะฉะนั้นเราก็แค่ปรับตัวเราให้พร้อมกับการรับความไม่แน่นอนที่มันจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ทั้งหมด
คำแนะนำสำหรับธุรกิจอื่นๆ
คุณธนพันธ์ : ทำธุรกิจให้เหมือนเตรียมตัวเจ๊งตลอดเวลา ตัวเบาตลอดเวลา เหมือนพรุ่งนี้ไม่มี เดือนหน้าคุณจะเจ๊งแล้ว คุณคิดอะไรได้ คุณต้องซัดให้หมด คุณไม่สามารถรอได้ ไม่สามารถรอความแน่นอนได้ หลังจากนี้จะไม่มีทางเจออะไรแน่นอนอีกต่อไป
เพราะฉะนั้นผมว่า ให้คุณเตรียมพร้อมตั้งแต่มันยังไม่พร้อม เตรียมเจ๊งตั้งแต่มันยังไม่เจ๊ง ทำทุกอย่างเหมือนคุณกำลังทำธุรกิจวันสุดท้าย ซัดมันให้เหมือนกับไม้สุดท้ายที่คุณจะทำได้ เหมือนคุณทุบหม้อข้าวแล้วกลายเป็นหมาจนตรอก ผมเชื่อว่าถ้าร้านคิดแบบนี้ ทำแบบนี้ ยังไงคุณไม่มีทางเจ๊งหรอกครับ ยังไงก็ตามคุณจะเจอทางรอดของคุณ ยังไงก็ตามก็จะเจอว่าสุดท้ายแล้วจุดร่วมระหว่างคุณกับลูกค้า จุดที่พอดีมันคือจุดไหน
รับชมคลิปสัมภาษณ์กันได้เลย