การสำรวจล่าสุดพบว่านักศึกษาหรือผู้ที่กำลังมองหางานนั้นมีโอกาสถูกว่าจ้างให้รับตำแหน่งที่ต้องการผ่านเครือข่ายสังคมหรือ Social เพิ่มขึ้น ตอกย้ำว่าโลกกำลังได้รับอิทธิพลจากเทรนด์แรง “social recruiting” ที่มีเครือข่ายสังคมอย่าง LinkedIn, Facebook และ Twitter เป็นพระเอกของเรื่องนี้
การรับพนักงานผ่านเครือข่ายสังคมหรือ social recruiting นั้นเป็นอีกบทบาทของเครือข่ายสังคมที่โลกธุรกิจกำลังจับตา (นอกจากการกระจายข่าวสาร การแชต และการแชร์) โดยล่าสุดบริษัทจำนวนมากระบุว่า ปี 2013 เป็นปีที่บริษัทมีนโยบายมองหาคนที่จะมาร่วมชิงตำแหน่งงานของบริษัทหรือ job candidate จากเครือข่ายสังคมมากขึ้น
การสำรวจของบริษัท Jobvite พบว่าวันนี้ อัตราการจ้างงานบนแหล่งประกาศออนไลน์ ซึ่งครอบคลุมทั้งเครือข่ายสังคม, เว็บไซต์อ้างอิงข้อมูล และเว็บเพจประกาศรับสมัครงานของบริษัท นั้นมีสูงกว่าการประกาศบนกระดานรับสมัครงานหน้าบริษัทหรือ job board แล้ว จุดนี้ infographic ด้านล่างแสดงว่าบุคคลที่เข้าทำงานผ่านระบบ social recruiting นั้นไม่ได้ทำงานแบบชั่วคราวแล้วเปลี่ยนไปหางานใหม่เรื่อยๆ เพราะมากกว่าครึ่งของคนกล่มนี้อยู่ในบริษัทที่รับเข้าทำงานนาน 3 ปีขึ้นไป
เหตุผลที่ทำให้บริษัทจำนวนมากมีนโยบายทำ social recruiting มากขึ้นคือการที่เว็บไซต์ social media ทั้ง LinkedIn, Facebook และ Twitter สามารถตอบโจทย์ทั้งนักหางานและบริษัทที่กำลังต้องการพนักงานได้ครบถ้วน นักศึกษาจบใหม่สามารถมองหาโอกาสที่เปิดรับอยู่ได้ง่าย ขณะที่บริษัทก็สามารถมองหาหัวกะทิน้องใหม่ได้หนำใจ ซึ่งการที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้พบและได้เลือกกันและกันแบบทั่วถึงนั้นมีส่วนทำให้พนักงานเต็มใจรับหน้าที่และอยู่ในตำแหน่งได้นาน
อีกจุดเด่นที่ทำให้ social recruiting แตกต่างจากการประกาศรับสมัครงานแบบออฟไลน์ คือความสามารถในการค้นหาตำแหน่งงานหรือ search การสำรวจของ Jobvite พบว่าบริษัทที่มีนโยบาย social recruiting จะได้เปรียบเพราะเหล่า candidate นั้นเป็นบุคคลที่มีคุณภาพมากขึ้น และยังสามารถเฟ้นหา candidate ในจำนวนเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งหมดนี้ทำให้ 94% ของบริษัทที่มีการสำรวจความเห็นครั้งนี้ เอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าได้เริ่มทำหรือมีนโยบายจะทำ social recruiting ในปี 2013 นี้แน่นอน
ความเห็น: สำหรับบ้านเรา เว็บไซต์แนว JobsDB, JobThai, JobTopGun ฯลฯ ต่างก็พยายามปรับให้ตัวเองทันสมัยมากขึ้นและยังคงมีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย เราคิดว่าข่าวนี้มีความโน้มเอียงเพราะคนทำ infographic คือบริษัท Jobvite ซึ่งเป็นบริษัททำ Social recruiting ดังนั้นก็ต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ LinkedIn ยังไม่สมารถที่จะดึงให้คนไทยมาใช้งานได้เยอะพอก็เป็นได้
ที่มา: Mashable