ข่าวการเพิ่มทุนกิจการของบริการเกิดใหม่นั้นเป็นข่าวที่นักการตลาดหลายคนให้ความสำคัญ เพราะข่าวลักษณะนี้สามารถบอกทิศทางการขยายตัวของบริการนั้นในอนาคตได้คร่าวๆ ดังนั้นเมื่อ Pinterest เครือข่ายสังคมนักปักหมุดประกาศเพิ่มทุนดำเนินการรอบใหม่มูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ นักสังเกตการณ์จึงตื่นเต้นไม่น้อยเพราะการเพิ่มทุนครั้งนี้สามารถบอกได้ว่า Pinterest จะเอาจริงกับการพัฒนาระบบโฆษณาใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไป และการเพิ่มทุนครั้งล่าสุดดึงมูลค่าตลาด Pinterest ให้เพิ่มขึ้นทะลุหลัก 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย
การเพิ่มทุนครั้งนี้ของ Pinterest ถือเป็นการเพิ่มทุนครั้งที่ 3 ในรอบ 15 เดือน ซึ่งการเพิ่มทุนทุกครั้งสะท้อนว่า Pinterest ต้องการปรับยุทธศาสตร์เพื่อให้บริษัทสามารถโกยเงินรายได้จากธุรกิจโฆษณาให้เร็วขึ้น โดยก่อนหน้านี้ Pinterest ประกาศเพิ่มทุนมูลค่า 225 ล้านเหรียญไปเมื่อเดือนตุลาคม 2013 ที่ผ่านมา ครั้งนั้นมูลค่าตลาดของ Pinterest ถูกประเมินไว้ที่ 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ถึงวันนี้ เครือข่ายสังคมนักปักหมุดภาพ, วิดีโอ และสื่ออื่นๆได้ตัดสินใจเพิ่มทุนมากกว่า 764 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้ว (ราว 2.4 หมื่นล้านบาท) โดยเงินทุน 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในงวดล่าสุดที่ถูกเติมลงใน Pinterest นั้นเป็นเงินจากกลุ่มทุนหน้าเดิมอย่าง Andreessen Horowitz, Bessemer Venture Partners, Fidelity, FirstMark Capital, SV Angel และ Valiant Capital Partners
เงินทุนรอบใหม่ถูกมองว่าจะเป็นเงินสนับสนุนให้ Pinterest สามารถขยายธุรกิจโฆษณาของตัวเองจนเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่เหมาะสมกับธุรกิจทุกขนาด โดยเป้าหมายนี้ Pinterest มีการระบุชัดเจนในอีเมลแถลงการณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้นักการตลาดพร้อมใจจับตามองความเคลื่อนไหวของ Pinterest ที่เพิ่งเริ่มจำหน่ายโฆษณาผ่านโครงการ promoted pin เมื่อไม่นานมานี้
อย่างไรก็ตาม Pinterest ระบุว่าเงินทุนรอบใหม่จะถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนาคุณสมบัติใหม่บนเพจของ Pinterest ด้วย ทั้งระบบแนะนำคอนเทนต์ ระบบค้นหา และระบบการปักหมุด จุดนี้ Ben Silbermann ซีอีโอ Pinterest ยืนยันว่าเป้าหมายสำคัญของ Pinterest ไม่ได้อยู่ที่การโฆษณา แต่อยู่ที่การช่วยให้ชาวออนไลน์สามารถค้นหาข้อมูลที่สนใจได้สะดวกและรวดเร็ว
สื่ออเมริกันวิเคราะห์ว่า การเพิ่มทุนรอบนี้จะทำให้ Pinterest ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปิดจำหน่ายหุ้นครั้งแรกหรือ initial public offering ซึ่งที่ผ่านมา Pinterest มีแผนผลักดันบริษัทให้เป็นมหาชนอยู่แล้ว แม้ว่าจะสามารถสร้างรายได้ได้ช้ากว่าที่ควร
ที่มา: VentureBeat