เมื่อถามถึงสถานที่ออกกำลังกายซึ่งเป็นจุดเด่นให้นึกถึง คุณผู้อ่านคิดถึงสถานที่แห่งไหนกันคะ ถ้าเป็นคนชอบวิ่งคงจะนึกถึงสวนสาธารณะอย่าง สวมลุมพินี สวนหลวงร.9 และสวนเบญจกิตติกันใช่ไหมคะ แล้วถ้าเป็นสถานที่ออกกำลังแบบฟิตเนสที่เปิดให้บริการได้ 24 ชั่วโมงแบบไม่ได้อยู่ในตัวห้างสรรพสินค้ามีจุดไหนที่นึกถึงกันบ้างคะ
ทาง thumbsup ได้รับโอกาสดีในการเข้าร่วมสัมภาษณ์ 4 ผู้บริหาร ที่ไม่ได้เป็นพี่น้องจากต้นตระกูลเดียวกัน แต่พวกเขาเป็น 4 รุ่นพี่รุ่นน้องจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่บังเอิญมาเจอกันในงานวิ่งของคณะ ทำให้เกิดโปรเจ็ค Stadium One ศูนย์รวมการออกกำลังกาย 24 ชั่วโมงแห่งนี้ขึ้นมา
สำหรับ 4 ผู้บริหารนั้นประกอบด้วย สิทธิชัย ศรีสงวนสกุล กรรมการผู้จัดการ, ถนอมเกียรติ สัมมาวุฒิชัย กรรมการบริหาร, พงศ์วรรธน์ ติยะพรไชย ผู้บริหารโครงการและณัฐภัค รีกิจติศิริกูล กรรมการบริหาร โครงการสเตเดียม วัน ซึ่งทั้ง 4 คนมีความคิดริเริ่มที่จะสร้างโปรเจ็คนี้ขึ้นมา เพราะต้องการสถานที่ออกกำลังกายได้แบบ 24 ชั่วโมง มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม และปรับภาพของย่านซื้อขายเสื้อกีฬาก็อปให้มาเป็นย่านออกกำลังกายที่เป็นของแท้
โดย สิทธิชัย เล่าว่า พื้นที่ย่านนี้แต่เดิมจะมีภาพของการขายอุปกรณ์กีฬาที่ใกล้กับสนามกีฬา แต่ที่จริงยังมีจุดเด่นอีกมากแต่ยังกระจัดกระจาย จึงต้องการปรับใหม่เพื่อรับเทรนด์สำหรับอนาคต เพราะคนรุ่นใหม่มีใจรักการออกกำลังกายมากขึ้น แต่ยังแฝงอารมณ์ของไลฟ์สไตล์อย่างแฟชั่น อาหาร ร้านกาแฟ Co-Working Space เพื่อดึงดูดให้พวกเขาอยากเดินเข้ามาใช้ชีวิตในจุดนี้ได้ง่ายขึ้น
“ไม่จำเป็นต้องเป็นคอกีฬาแบบฮาร์ดคอร์สายแข่ง แค่บังเอิญมาทำงานย่านนี้ แล้วรู้สึกอยากออกกำลังกายก็เอาของไปเก็บในล็อกเกอร์และวิ่งรอบพื้นที่ของเราแค่นี้ก็ได้”
ด้าน ถนอมเกียรติ เสริมว่า พื้นที่แห่งนี้มีจำนวน 10 ไร่ เราพัฒนาตามคอนเซ็ปต์ที่จะให้เป็น Sport Community ตามที่ได้ยื่นแผนกับทางจุฬาไว้ เพราะทางจุฬาต้องการให้พื้นที่แห่งนี้เป็นธีมของกีฬา และระยะเวลาของสัญญาที่เราได้คือ 7 ปี
“เราปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ทุบตึกเดิมและทำเป็นลานจอดรถ 2,500 ตารางเมตรที่ปรับเป็นลานกิจกรรมได้ สร้าง Active Box เป็นอาคาร 5 ชั้น ขนาดพื้นที่รวม 5,600 ตารางเมตร รวมแล้วใช้งบไปกว่า 10 ล้านบาทในการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้”
ตอนนี้ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าบริเวณโดยรอบโครงการมีความพร้อม ด้านผู้เช่าโดยรอบมี 85% แล้ว ยังเหลือนิดหน่อย ภาพรวมทั่วไปของคนที่เข้ามาใช้บริการ Jett ที่เปิดให้บริการอยู่ 2 เดือน บอกว่าทุกอย่างเป็นตามเป้าที่วางไว้ มีการตอบรับที่ดีและคนให้ความสนใจในการออกกำลังกายหลังเที่ยงคืน ก็ยังมากัน เพราะบางคนทำงานเครียดอยากแวะมาผ่อนคลายก็ทำได้ตลอด ปลอดภัย มียามเฝ้า
“เราวิเคราะห์ความเสี่ยงมาแล้วว่า ผู้ประกอบการค่อนข้างพอใจในการรวมกลุ่มให้กิน ช้อป ออกกำลังกายได้และจบในซอยเดียว เพราะปัญหาของ Street food ย่านนี้คือไม่มีที่จอดรถ พอเราเข้ามาช่วยแก้ปัญหาจุดนี้ ดึกๆ ก็มีคนมากินเยอะขึ้น โดยรวมผู้เช่ายินดีกับการย้ายมาจากที่เดิมและคาดหวังว่าย่านนี้อาจเป็นเยาวราชแห่งที่ 2 ก็ได้”
พงศ์วรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าย่านนี้จะมีโครงการโดยรอบมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สวนหลวงสแควร์ I’m Park สามย่านมิดทาวน์ และสเตเดียมวัน ซึ่งทั้ง 4 แห่งต่างก็มีธีมของตนเอง ซึ่งพวกนั้นจะเน้นด้านไลฟ์สไตล์ ของเราจะเน้นการออกกำลังกาย ทำให้ไม่ได้มองว่าเป็นการแข่งขัน แต่จะเติมเต็มกันและกันมากกว่า คือไม่ว่าคุณจะเดินจุดไหนก็ตอบโจทย์ได้การใช้ชีวิตทั้งสิ้น แค่ของสเตเดียมวันจะจับกลุ่ม First Jobber อายุ 25 ปีเป็นต้นไป ที่ต้องการออกกำลังกาย
“ภาพสปอร์ตของเรายังเน้นด้านกิจกรรม แต่สตูดิโอฟิตเนสก็มีการแข่งขันสูง ล่าสุดปีนี้มีต่างประเทศ เข้ามาไม่ต่ำกว่า 4-5 แบรนด์ เช่น anytime fitness , 24-7, ฟิตเนส 7 และ Jett ที่เราเลือกให้มาตั้งที่นี่ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มาจากออสเตรเลียมีมากกว่า 300 สาขา เทรนด์ฟิตเนสจะจับตลาดคนที่ต้องการออกกำลังกายแบบ 24 ชม.มากขึ้น การที่เราเปิดก่อนก็น่าจะช่วยสร้างการรับรู้ได้ดีกว่า”
ตอนนี้กำลังมองให้คนเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกายมากขึ้น คือถ้าออกกำลังกายแบบ Outdoor มันยากและไม่ดึงดูด ก็มาออกกำลังกายแบบ Indoor ซึ่งแม้ว่าตอนนี้จะมีแต่แบบฟิตเนส แต่ต่อไปอาจจะมี โยคะ ชกมวย มาเสริมด้วย
ทางด้านของสัดส่วนพื้นที่ จะแบ่งเป็น อาคารพานิช 195 คูหา ปล่อยเช่าแล้ว 85% พื้นที่ขายยังเหลืออีก 15% คิดว่าจะเป็น Co-Working Space ส่วนใหญ่ร้านค้าที่เปิดโซนย่านนี้จะเป็น ร้านค้ากีฬา 40% (เสื้อผ้ากีฬาเดิม–แฟชั่น) พื้นที่ออกกำลังกาย 20% (สตูดิโอ–ฟิตเนส) ร้านอาหาร 20% และทั่วไป 15% จะเป็นโคเวิร์คกิ้งสเปซกับออฟฟิศ
จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่าง คือ มีพื้นที่จัดกิจกรรมที่เชื่อว่าจะได้รับความสนใจ ซึ่งตอนนี้มีอีเว้นท์มาจัดเกือบทุกสัปดาห์ ถ้าเป็นเชิงการค้าเราจะคิดค่าบริการแต่ถ้าเป็นเพื่อสุขภาพจะให้ใช้ได้ฟรี
Stadium One จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ และในวันเปิดตัวจะมีกิจกรรมมากมายที่มีการจองเข้ามาใช้สิทธิ์ฟรีเต็มทุกคลาส แต่ก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ในพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถมาร่วมกันได้ และไฮไลต์พิเศษที่เราได้รับเกียรติจากคนดัง 2 ท่าน คือคุณอิทธิพล สมุทรทอง นักวิ่งที่วิ่งกับพี่ตูนในโครงการก้าวคนละก้าวและคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์มาร่วมชกมวยและออกกำลังกายในพื้นที่แห่งนี้ด้วย คาดว่าน่าจะช่วยสร้างการรับรู้ว่า Stadium One เป็นสถานที่ออกกำลังกายแห่งใหม่ที่ไม่ควรพลาด
นอกจากนี้ ยังจะใช้การสื่อสารตลาดโดยเน้นการรับรู้ผ่าน influencer สายกีฬาและรักสุขภาพ ประมาณ 40-50 คน เพื่อให้คนได้มีศูนย์กลางในการออกมาทำกิจกรรมร่วมกันได้แบบไม่ต้องไปหาจองที่อื่นๆ ให้วุ่นวาย และเน้นการตลาดอออนไลน์เป็นส่วนมากเพราะมองว่าตรงจุดกว่าแต่ก็มีสื่อโฆษณาโดยรอบเพื่อให้คนที่ผ่านไปมาได้เห็น โดยจะมีทีมการตลาด แบ่งเป็น 2 อย่าง คือด้านกลยุทธ์และ macom ซึ่งเดือนนี้จะเน้นการแกรนด์โอเพ่นนิ่ง เดือนหน้าฟุตบอลโลกก็จะเน้น Event ที่เกี่ยวกับฟุตบอลมา ที่ได้วางแผนไว้คือจะให้มี Event ใหญ่เดือนละ 1 งาน ถ้างานย่อยจะมีสัปดาห์ละ 1-3 งาน ก็ครบในแต่ละเดือนแล้ว
ส่วนความคาดหวังเรื่องรายได้หรือการคืนทุนนั้น ทั้ง 4 ท่านยังมองว่าไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในสิ้นปีนี้ แม้ว่า 95% ของรายได้จะมาจากค่าเช่าพื้นที่ แต่ Event ต่างๆ เราก็สนับสนุน เพราะไม่ได้เน้นเรื่องรายได้มากนักคาดหวังเรื่องทำพื้นที่นี้ให้เป็นที่รู้จักมากกว่า แต่สิ้นปีนี้ก็น่าจะมียอดรายได้เข้ามาประมาณ 60-70 ล้านบาท ก็น่าจะช่วยในเรื่องการบริหารจัดการพื้นที่ส่วนนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิมยังไม่ได้หวังในเรื่องของผลกำไร
ทางด้านของการพัฒนาศูนย์รวมกีฬาในพื้นที่แห่งอื่นๆ นั้น ต้องยอมรับว่ามีคนติดต่อให้เราเข้าไปช่วยแต่พวกเราอยากปั้นที่นี่ให้ดีก่อน เพราะหลายๆ อย่างมีความพร้อมและอยู่รอดได้ในระยะยาว ส่วนที่อื่นยังมองภาพไม่ออกว่าที่ไหนที่สามารถทำได้อีก