Site icon Thumbsup

ลือผู้บริหาร Starbucks ลาออก เพื่อลงสมัครเป็นประธานาธิบดี

Howard Schultz
Credit Photo: Bloomberg

ทาง Starbucks ได้ออกประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า Howard Schultz กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งผู้บริหารในปลายเดือนนี้ หลังนั่งในตำแหน่งมานานกว่า 36 ปี แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเขาจะเข้าไปร่วมเป็นหนึ่งในผู้สมัครประธานาธิบดีหรือไม่

จากการให้สัมภาษณ์หลายครั้งกับทาง The New York Times ว่ากำลังพิจารณาข้อเสนอของทางทำเนียบขาวของ Howard Schultz ทำให้ข่าวลือนี้มีความน่าจะเป็นสูงมาก

Schultz ในวัย 64 ปี ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผู้บริหารที่เปิดเผยตนเองด้านการอยากมีส่วนร่วมทางการเมือง และก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือว่าเขาเป็นหนึ่งในตัวเลือกของการถูกเสนอชื่อเพื่อร่วมเลือกตั้งของพรรคเดโมแครต เขาเคยพูดกับทาง Hillary Clinton เมื่อปี 2016 ว่า ผู้นำของประเทศเรากำลังสร้างความเกลียดชังและแตกแยก จนกลายเป็นหายนะของประเทศในอนาคต

และเมื่อช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว ก็เคยวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดี Donald Trump เกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในการชุมนุมที่ Virginia ว่าเป็นพฤติกรรมที่แย่จนอาจจะส่งผลกระทบในระยะยาว

ความสามารถในการบริหาร

ทางด้านของการนั่งเป็นผู้บริหารของ Starbucks นั้น ต้องยอมรับว่า Schultz เป็นผู้บริหารที่สร้างความชื่นชอบให้แก่พนักงาน ในเรื่องสวัสดิการต่างๆ ทั้งการดูแลสุขภาพของพนักงานทั้งในและนอกเวลางาน ตั้งแต่ปี 1988 การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ทุกคนมีความเท่าเทียม ไม่แบ่งแยกเพศและสีผิว รวมทั้งยังรักษาสิ่งแวดล้อม ทำให้ผลการดำเนินงานมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง

ตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษที่ Schultz นั่งในตำแหน่งนี้ มีการขยายสาขาของ Starbucks จาก 11 สาขาในปี 1980 มาเป็น 28,000 สาขา ใน 77 ประเทศ สร้างมูลค่าธุรกิจได้กว่า 78,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และสร้างความประทับใจขึ้นไปอีกด้วยการปิดสาขากว่า 8,000 แห่งใน Philadelphia ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่ออบรมมารยาทของพนักงานในการปฏิบัติต่อลูกค้าไม่ให้มีการแบ่งแยกสีผิว

“การอบรมเพียง 4 ชั่วโมงนี้ ไม่สามารถแก้ปัญหาความไม่เสมอภาคทางเชื้อชาติของชาวอเมริกาได้ แต่ก็จำเป็นต้องมีการเริ่มต้นคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง”

แม้ว่าในอีเมล์ภายใน ที่ส่งข้อความถึงพนักงาน Starbucks จะไม่ได้ระบุถึงเหตุผลในการลาออกของเขา ว่าจะมุ่งสู่ตำแหน่งทางการเมืองอย่างที่ทุกฝ่ายคาดเดากันหรือไม่ แต่พนักงานทุกคนต่างก็นับถือและสนับสนุนให้เขาเดินหน้าทำเรื่องนี้ เพราะเชื่อมั่นว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้

 

ที่มา : CNNmoney