ตอกย้ำอีกรอบว่าบริการจ่ายเงินบนอุปกรณ์พกพาหรือ Mobile Payment มาแรงแน่นอนในสหรัฐฯ เพราะร้านกาแฟยักษ์ใหญ่อย่าง Starbucks ประกาศชัดว่าได้ติดตั้งระบบ Mobile Payment ครบ 10% ของร้านที่ Starbucks มีอยู่หลายพันสาขาทั่วแดนลุงแซมแล้ว และยังมีสาขาที่ให้บริการที่ชาร์จไร้สายหรือ Wireless Charging นั้นมีเกินหลัก 10% เรียบร้อย
ถือเป็นข่าวที่ตอกย้ำว่า Starbucks ยักษ์ใหญ่ผู้ค้าปลีกกาแฟที่มีสาขาไปทั่วโลกนั้นกำลังเดินหน้าให้บริการ mobile payments ในสหรัฐฯอย่างจริงจัง โดยยักษ์ใหญ่เชนกาแฟเผยในงานประชุมแถลงผลประกอบการว่า การติดตั้งระบบ Mobile payment ในร้าน Starbucks นั้นถูกขยายครอบคลุมเกิน 10% ของร้านทั้งหมดในสหรัฐฯแล้ว เนื่องจากได้รับเสียงตอบรับดีเยี่ยมจากคอกาแฟอเมริกัน
ระบบ Mobile Payment ที่ Starbucks ติดตั้งแล้วในมากกว่า 10% ของสาขาที่ Starbucks มีนั้นรองรับทั้งแอพพลิเคชัน Starbucks Mobile App รวมถึงบริการ Apple Passbook ซึ่ง Apple ออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถเก็บบัตรหรือตั๋วเครื่องบินและตั๋วคอนเสิร์ตดิจิตอลได้ และบริการ Square Wallet จากยักษ์ใหญ่ Square ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป
ไม่เพียงระบบชำระเงินด้วยอุปกรณ์พกพา Starbucks ยังพยายามสานต่อโครงการเพื่อเอาใจชาวสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์พกพา ด้วยการตั้งสถานีชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายฟรี โดยเบื้องต้นอุปกรณ์ชาร์จอย่าง Powermat ถูกนำมาติดตั้งในหลายร้าน Starbucks หลังจากที่นำร่องโครงการที่ Starbucks 17 สาขาที่บอสตัน โดยสาขา Silicon Valley นั้นจะทยอยให้บริการชาร์จไร้สายช่วงเดือนสิงหาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ที่ชาร์จไร้สายของ Starbucks นั้นยังไม่สามารถรองรับอุปกรณ์ทั้งหมด อย่างเช่น Google Nexus 4 ซึ่งผู้ผลิตยังไม่ใช้มาตรฐานที่อยู่ในกลุ่ม Power Matters Alliance จุดนี้คาดว่าอุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน PMA จะมีมากขึ้นเนื่องจากแรงผลักดันจาก Starbucks อาจช่วยให้หลายผู้ผลิตอุปกรณ์หันมารองรับมาตรฐาน PMA มากขึ้นในอนาคต
ความเคลื่อนไหวของ Starbucks นี้เป็นการตลาดดิจิตอลที่อาจเทียบได้กับยุคที่ร้านกาแฟหันมาติดตั้งบริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สาย สำหรับกรณีนี้ Starbucks แสดงท่าทีชัดเจนว่าให้ความสำคัญกับพันธกิจที่เกี่ยวกับอุปกรณ์โมบายดิจิตอลอย่างจริงจัง จนแสดงออกมาในรูปบริการชาร์จไร้สายและบริการจ่ายเงินด้วยอุปกรณ์พกพาเช่นนี้
ทั้งหมดนี้ Starbucks เชื่อว่าสิ่งที่ Starbucks ทำจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยเฉพาะประโยชน์จากการเปิดให้ผู้บริโภคได้จ่ายเงินด้วยแอพพลิเคชันหรือ Pay-by-app ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะยังคงจ่ายเงินด้วยวิธีดั้งเดิมก็ตาม
ที่มา: TechCrunch