ข้อมูลจากบริษัทวิจัย eMarketer ระบุว่ามากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชัน mobile payment ในสหรัฐฯนั้นใช้ผ่านแอปพลิเคชัน Starbucks สัดส่วนนี้ถือว่าแซงหน้าทุกค่ายทั้ง Apple Pay, Google Pay และ Samsung Pay
ถามว่าทำไม Starbucks จึงฮอตแรงแซงหน้าผู้ให้บริการทุกรายในสมรภูมิบริการชำระเงินบนแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟน หนึ่งในคำตอบคือการไม่แบ่งค่าย iOS และ Android ในขณะที่ Apple Pay และ Google Pay รวมถึง Samsung Pay จะถูกจำกัดการใช้งานตามประเภทของโทรศัพท์
แถมแอปพลิเคชัน Starbucks ยังใช้งานง่าย บนฐานลูกค้าที่ภักดีกับแบรนด์ Starbucks เหนียวแน่น
ที่สำคัญ แอป Starbucks ไม่ได้มีจุดเด่นเรื่องการเปิดให้ผู้ใช้จ่ายเงินด้วยโทรศัพท์เท่านั้น แต่จะได้รับเครดิตก่อนที่การซื้อจะเกิดขึ้น จุดเด่นนี้มีพลังสูง ทำให้ Starbucks เคยประกาศความสำเร็จมาก่อนหน้านี้ว่า ระบบสั่งซื้อและชำระเงินบนมือถือของบริษัท ครองสัดส่วน 12 เปอร์เซ็นต์ของธุรกรรมทั้งหมดในสหรัฐฯ ช่วงไตรมาสล่าสุดที่สิ้นสุดวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา
อีกจุดที่น่าสนใจคือคนที่ไม่ใช่ลูกค้าประจำ Starbucks ก็ใช้งานระบบชำระเงินนี้ด้วย โดยภายในปีนี้ คาดว่าจะมีผู้ใช้แอป Starbucks ราว 23.4 ล้านคนในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ชำระเงินด้วยโทรศัพท์มือถือในร้านค้าช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขประเมิน 23.4 ล้านคนนี้ถือว่าสูงกว่าลูกค้า 14.9 ล้านคนที่เป็นสมาชิกโปรแกรมแลกรางวัลหรือรีวอร์ดของ Starbucks ที่จะนับเฉพาะผู้ใช้งานรายเดือนเท่านั้น
สถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน Starbucks ในประเด็น mobile payment ยังมีตัวเลขที่ eMarketer ระบุว่าภายในปลายปีนี้ 1 ใน 4 ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนอายุเกินกว่า 14 ปีในสหรัฐฯหรือประมาณ 55 ล้านคน จะใช้ระบบชำระเงินผ่านมือถือในร้านค้า ซึ่ง 40 เปอร์เซ็นต์ของคนกลุ่มนี้เองที่จะใช้โทรศัพท์มือถือทำ mobile payment ผ่านแอป Starbucks
นอกจากนี้ eMarketer ยังชี้ว่า Apple Pay เริ่มรองรับร้านค้าในสหรัฐฯเกิน 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ Google Pay กลับรองรับน้อยกว่าแม้ว่า Google Pay จะถูกติดตั้งล่วงหน้าในโทรศัพท์ Android มาจากโรงงาน ขณะที่ Samsung Pay เป็นแบรนด์ที่ร้านค้ารองรับมากที่สุดคือ 80% ของร้านค้าอเมริกัน
แต่ Samsung Pay กลับเป็นที่นิยมใช้งานน้อยกว่า
ที่มา: : Recode