หากพูดถึงระบบการศึกษาไทย คงจะปฏิเสธไม่ได้ถึงความแตกต่าง และความไม่เท่าเทียมในระบบการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียน เปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างง่ายคือ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงขนาดใหญ่ มีผลการเรียนที่เทียบเท่ากับโรงเรียนชั้นนำระดับโลก ในขณะที่โรงเรียนขนาดเล็กกว่า 15,000 แห่ง อาจจะขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอน หรือคุณครูที่มีไม่เพียงพอสำหรับทุกระดับชั้น
ซึ่งหากเด็กไทยทั่วประเทศกว่า 8 ล้านคน ได้รับการศึกษาที่เหมือนกัน ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนที่รวยที่สุดกับคนที่จนที่สุด จะลดลงได้ถึง 39%(ข้อมูลจาก UNESCO) นี่จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทำให้ คุณไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอ บริษัท เอ็ดดูเคชั่น เทคโนโลยี จำกัด เร่งพัฒนาแอปพลิเคชันด้านการศึกษา “StartDee” ที่เปรียบเสมือน “Netflix ของการศึกษาไทย” โดยนำเทคโนโลยีมาบูรณาการ ส่งเสริม และใช้ควบคู่ไปกับการเรียนการสอนในโรงเรียน เพื่อให้เด็กนักเรียนทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึงที่สุด และพร้อมรับมือกับอนาคตการศึกษาไทยหลังโควิด-19 ที่จะพัฒนาสู่ new normal กับพฤติกรรมการเรียนที่เปลี่ยนไป
StartDee จุดเริ่มต้นที่ดีของทุกคน
StartDee เริ่มต้นด้วยภารกิจที่ต้องการปลดล็อกข้อจำกัดการศึกษาไทยแบบเดิม ด้วยการนำเทคโนโลยีแห่งอนาคตผสานเข้ากับการเรียนในโรงเรียน โดยมุ่งสู่เป้าหมายเพื่อให้เด็กไทยทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่ดี ภายใต้ 3 แกนหลัก คือ
- มีคุณภาพ (Quality)
- ราคาไม่สูง (Affordable)
- เข้าถึงง่าย (Available)
การศึกษาที่ดี เท่ากับ คุณภาพที่ดี เพราะมีเนื้อหาไม่จำกัด ทุกที่ ทุกเวลา (Unlimited content anywhere, anytime) สำหรับทุกระดับชั้น ตั้งแต่ ป.1- ม.6 ครอบคลุมทุกวิชาหลักในโรงเรียน และทักษะสำหรับอนาคต ผ่านประสบการณ์เรียนรู้รูปแบบใหม่ที่เน้นการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ (Interactive Learning Journey) และมีการพัฒนาเนื้อหาอย่างต่อเนื่องจากความคิดเห็นผู้เรียน (Data-driven content) เพื่อนำไปสู่การสร้างการเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล (Personalized Learning) ที่มีรายงานผลการเรียนรายบุคคล เนื้อหาที่ถูกดัดแปลงให้ตรงกับความต้องการนักเรียนที่แตกต่างกัน ผ่านการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI
ฉีกรูปแบบการเรียนการสอนแบบเดิม ตอบโจทย์ชาว GenZ
เมื่อต้องสื่อสารและออกแบบรูปแบบการเรียนการสอนให้เหมาะกับกลุ่มเจนซี ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่ใกล้ชิด และมีความกระตือรือร้นในการใช้เทคโนโลยีในยุคดิจิทัลมากที่สุด มีพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนหลายชั่วโมงต่อวัน ชอบความท้าทาย และพัฒนาทักษะใหม่ๆ อยู่เสมอ
รวมถึงรักในการเชื่อมต่อกับเพื่อนใหม่ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ การเรียนรู้จึงจำเป็นต้องสนุก (Gamified Learning) ด้วยเนื้อหาที่มีความบันเทิงแต่มีสาระ (Edutainment) การเรียนที่เปรียบเสมือนการเล่นเกม มีรางวัลให้นักเรียน ช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียน และการเรียนรู้ร่วมกัน (Social Learning) ผ่านการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ (Community) การแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างนักเรียน กิจกรรมพบปะเพื่อนใหม่ เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสรู้จักกันจากทั่วประเทศ จึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักที่นำมาใช้
แม้ไม่ฟรี แต่ถูกกว่าบริการรายอื่นๆ
ด้วยราคาที่ไม่สูง (Affordable) เป็นหนึ่งในโจทย์หลักที่ StartDee ให้ความสำคัญ เพราะราคาที่จับต้องได้ จะช่วยเชื่อมโยงให้เด็กนักเรียนทั่วประเทศ ทุกโรงเรียน ทุกฐานะความเป็นอยู่ สามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึงที่สุด เพียงชำระค่าสมาชิกรายเดือนหรือรายปีครั้งเดียว ก็สามารถเข้าถึงบทเรียนได้ครบทุกวิชาอย่างไม่จำกัด ในราคาเริ่มต้นเพียง 200 – 300 บาทต่อเดือน ซึ่งถูกกว่าทางเลือกในการเรียนแบบอื่นถึง 10-15 เท่า
เพื่อเป็นการลดช่องว่างในการขาดหายไปจากการเรียนรู้ในช่วงที่โรงเรียนถูกเลื่อนเปิดเทอม StartDee จึงเปิดให้เด็กไทยเรียนฟรี! โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 18 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน 2563 พร้อมการเข้าถึงการเรียนการสอนได้อย่างง่าย (Available) ผ่านสมาร์ทโฟนทุกรุ่น รองรับทุกระบบ ทั้ง iOS และ Android ประหยัดข้อมูลกว่าเว็บดูวิดีโอทั่วไป ถึง 2 เท่า พร้อมฟรี! อินเทอร์เน็ต และซิมการ์ด จาก เอไอเอส
หลักสูตรที่จะเปิด 18 พฤษภาคมนี้
- StartDee Room ( ม.1 – ม.6 ) ห้องเรียนที่อัดแน่นไปด้วยหลายร้อยบทเรียนใน 7 วิชาหลักของนักเรียนระดับชั้นมัธยม ทั้งในรูปแบบวิดีโอที่ปรับระดับความเร็วในการเรียนได้ แบบฝึกหัดที่วัดความเข้าใจ ชีทสรุปบทเรียน และอื่น ๆ อีกมายมาย ที่จะช่วยให้นักเรียนสามารถทบทวนบทเรียนได้ด้วยตัวเองตามความต้องการได้อย่างไม่จำกัด โดยจะมีการเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ ทุกสัปดาห์ ถือเป็นห้องหลักของ แอปพลิเคชัน StartDee เลยทีเดียว
- StartDee Daily Class คลาสเรียนประจำวัน ติวเสริมสำหรับนักเรียนระดับชั้น ม.3 และ ม.6 ที่จะมีการสอบระดับชาติในปลายปีการศึกษา โดยมีการนำบทเรียนมาจัดเรียงเป็นตารางเรียนทุกเช้า วันจันทร์ – ศุกร์ เริ่มเวลา 9.30 น. ที่ครอบคลุมเนื้อหาครบทุกวิชาหลัก และคั่นด้วยรายการพักสมองสนุกๆ
- StartDee Live Class คลาสเรียนสด ที่เป็นคลาสพิเศษเสริมในบางวัน โดยมีทั้งเนื้อหาวิชาการในหลักสูตรและความรู้หรือทักษะนอกหลักสูตร ตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21
นอกจากนี้ StartDee ยังมีแผนการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่เสมือนเป็นห้องแห่งการเรียนรู้เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น StartDee Room สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 , StartDee Room สำหรับทักษะแห่งอนาคต, Personal Development Room การพัฒนาความรู้ความสามารถรายบุคคล, Game Room ห้องเกม และ Social Room ห้องแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างนักเรียนด้วยกัน
ทดสอบจากการใช้งานจริง จากเด็กนักเรียนทั่วประเทศ
กว่าจะมาเป็นแอปพลิเคชัน StartDee ที่ออกมาพร้อมให้ดาวน์โหลด ได้ผ่านการคิดค้น พัฒนา และสำรวจจากการทดลองใช้งานจริงจากกลุ่มตัวอย่างเด็กนักเรียนไทยทั่วประเทศ 37 โรงเรียน จากทั้ง 4 ภูมิภาค โดยพบว่าเด็กนักเรียนมีความคิดเห็นหลักออกเป็น 4 ประเด็น คือ
- แอปพลิเคชัน ออกแบบให้ใช้งานง่าย
- เนื้อหากระชับ สอนเข้าใจง่าย
- ช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์กับการเรียน
- ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษากับเด็กทั่วประเทศ
ร่วมมือกับพันธมิตรร่วมขับเคลื่อนอนาคตการศึกษาไทย
StartDee ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ในการผนึกกำลังร่วมกันขับเคลื่อนอนาคตการศึกษาไทย ให้เด็กนักเรียนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็น
- เอไอเอส (AIS) ด้วยการนำจุดแข็งทางด้านโครงข่ายดิจิทัลพื้นฐาน (Digital Infrastructure) มาช่วยสนับสนุนอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษา ร่วมพัฒนาคอนเทนต์ด้านทักษะดิจิทัล พร้อมแผนความร่วมมือระยะยาวร่วมกันในเชิงนวัตกรรม พร้อมกับร่วมสนับสนุนการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมโดยการแจก “ซี้ดซิม” (ZEED SIM) ที่มากับการใช้อินเทอร์เน็ตโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายให้กับน้องๆ ที่ใช้บริการแอปพลิเคชัน StartDee อีกด้วย
- การีนา (Garena) ดิจิทัลแพลตฟอร์มระดับโลกที่คนออนไลน์ และคอเกมรู้จักกันเป็นอย่างดี ได้เข้ามาร่วมสนับสนุนทุนการศึกษา ร่วมพัฒนาทักษะรอบด้านให้เยาวชนพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล รวมไปถึงส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้นอกห้องเรียนและการเรียนรู้ตลอดชีวิต
- ในส่วนของภาครัฐ StartDee ได้รับความร่วมมือจาก กสศ. (กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) ในการร่วมทำงานวิจัยเพื่อศึกษาประสิทธิภาพของการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์สำหรับนักเรียนกลุ่มเป้าหมายที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ทางการศึกษา รวมทั้งโรงเรียนอีกหลายแห่งทั่วประเทศ ที่เข้าร่วมทดลองใช้งานและพัฒนาแอปพลิเคชัน
เตรียมเปิดเทอมพร้อมกันทั่วประเทศ วันที่ 18 พฤษภาคมนี้ บนแอพ