เมื่อพูดถึง Cloud Computing ในแง่ของผู้ใช้งานแล้ว หลายคนคงคุ้นเคยกับบริการต่างๆ ที่ทำให้ผู้ใช้สะดวกสบายในการเข้าถึงบริการเหล่านั้นได้ทุกที่ทุกเวลา แต่สำหรับ Startup แล้ว Cloud Computing มีประโยชน์ในแง่ของการเติบโตของธุรกิจเลยทีเดียวมีการคาดการณ์กันว่าในปี 2015 Cloud จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเกิดการจ้างงานใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ Cloud สูงถึง 14 ล้านตำแหน่งด้วยกันทั่วโลก และสร้างรายได้สูงถึง 1.1? ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ!
ปัจจุบัน Startup หลายรายที่พัฒนาระบบที่ทำงานเป็น Web-based นั้นอาจทำการโฮสที่เซิร์ฟเวอร์ใด เซอร์เวอร์หนึ่ง และอาจคิดว่าการเปลี่ยนมาใช้ระบบ Cloud นั้นเป็นโซลูชั่นที่ยุ่งยาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว Cloud Computing เป็นการลงทุนในระยะยาวที่คุ้มค่า เป็นเสมือนเครื่องมือสำคัญที่จะผลักดันให้ Startup เติบโตได้ในระยะยาว ยกตัวอย่างเช่น
- ค่าใช้จ่าย – โดยปกติแล้วค่าเว็บโฮสติ้ง ถ้ามีกลุ่มลูกค้าใช้งานน้อย และถ้าต้องจ่ายค่าโฮสติ้งแบบคงที่ก็ถือว่าขาดทุน และในขณะเดียวกันถ้ามีลูกค้าเข้ามาใช้งานจำนวนมาก ระบบก็อาจไม่สามารถรองรับได้และต้องมาคอยขยายระบบเพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว แถมยังอาจไม่สามารถทำได้ทันทีอีกด้วย แต่ถ้าพูดถึง Cloud แล้ว ค่าใช้จ่ายจะแปรผันตามการใช้งาน ใช้มากจ่ายมากหน่อย, ใช้น้อยก็จ่ายน้อย และยังสามารถขยายระบบได้ทันที ไม่จำเป็นต้องลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ไปก่อนเลย
- เติบโตในระดับภูมิภาค – ลองคิดดูว่าถ้าบริษัทต้องเติบโตขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆ การที่ต้องลงทุนซื้อโฮสติ้งหรือเซิร์ฟเวอร์เพื่อรองรับความต้องการการใช้งานที่แตกต่างกัน เป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร แต่สำหรับ Cloud แล้วจะช่วยลดการลงทุนดังกล่าวได้ และมีความยืดหยุ่นกว่ามาก เพิ่มโอกาสในการสร้างบริการใหม่ๆ ที่จะขยายออกสู่ต่างประเทศ ให้เรามีเวลาโฟกัสกับตัวธุรกิจและบริการมากกว่าต้องมาปวดหัวกับเรื่องหลังบ้าน
สำหรับกรณีศึกษาต่างๆ สามารถดูรายละเอียดได้ที่ Infographic ด้านล่าง และถ้า Startup รวมถึงผู้ประกอบการทั่วไปที่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า Cloud ?Computing จะช่วยเพิมประสิทธิภาพให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างไร สามารถร่วมลงทะเบียนได้ที่ Start it Up, Power it Up ครั้ง 2
สนับสนุนข้อมูลความรู้โดย บริษัทไมโครซอฟท์