กลับมาอีกครั้งสำหรับ Youtube Brandcast 2020 ที่เป็นการรวมข้อมูลประจำปีของครีเอเตอร์ แบรนด์และพฤติกรรมการใช้งานคอนเทนต์ประเภทวิดีโอผ่านแพลตฟอร์มยูทูป สำหรับปีนี้เป็นการจัดงานท่ามกลางกระแสโควิด-19 ซึ่งผู้บริหารยังไม่สามารถจัดงานใหญ่ได้แบบปีก่อนๆ ด้วยเงื่อนไขของบริษัท
แจ็คกี้ หวาง ผู้จัดการ Google ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 6 ของยูทูปไทยแลนด์และคอนเทนต์ของคนไทยยังสร้างแรงบันดาลใจที่ดีมากมายและมีบทบาทสำคัญกับคนไทยมาโดยตลอด ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 สถิติการรับชม YouTube ในประเทศไทย พบว่าในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายนของปีนี้ คนไทยใช้เวลาในการรับชมวิดีโอประเภทตลกขบขันเพิ่มขึ้นกว่า 90% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่การค้นหาคำว่า “การทำอาหาร” บน YouTube เพิ่มขึ้นกว่า 80%
รวมทั้งการเติบโตของช่องคอนเทนต์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจนปัจจุบัน แบ่งเป็นระดับ Silver มีจำนวน 14 ช่อง โดยเป็น 8 ช่องใหม่ แบ่งเป็น Workpointofficial, GMMGrammy, Rsiam, CH3Thailand, One31, KaykaiSalaider, Bie Theska, Zbing Z. เป็นต้น ซึ่งจำนวนช่องเหล่านี้ใช้เวลาเติบโตเพียง 1 ปีเท่านั้น ยิ่งระดับโกลด์ก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าด้วย
เพิ่มโอกาสทางการขาย
นอกจากนี้ Nielsen ยังเผยตัวเลขที่น่าสนใจด้วยว่า 89% ของแคมเปญที่ลงโฆษณาบน Youtube ช่วยเพิ่มยอดขายให้ช่องทางออฟไลน์ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ โดยทำให้ยอดขายออฟไลน์เพิ่มขึ้นมากถึง 5.5% และให้ผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (ROAS) มากกว่า 1 เท่า โดยแคมเปญที่ได้ทำการเก็บข้อมูลนั้น แบ่งออกเป็น 16 หมวดหมู่และ 46 แบรนด์ ซึ่งได้ช่วยให้วัดผลกระทบของ Youtube ในสภาวะที่แตกต่างกันออกไป เช่น หมวดหมู่ที่มีอัตราการเติบโตต่ำเทียบกับกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูง ตลาดที่มีความพร้อมด้านดิจิทัลระดับสูงเทียบกับระดับต่ำ
ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า Youtube ยังสามารถช่วยกระตุ้นยอดขายแบบออฟไลน์ได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ รวมทั้งแสดงให้เห็นว่า Youtube ยังเป็นสื่อโฆษณาสำคัญในการเพิ่มยอดขายเมื่อได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนสื่อโฆษณา ภายใต้ 3 เงื่อนไขคือ การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ การใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ และการผลักดันตัวชี้วัดสำคัญของแบรนด์
เครื่องมือใหม่สำหรับแบรนด์
ทั้งนี้ การวางแผนโฆษณาสื่อที่ดี ควรมีส่วนประกอบสำคัญ 3 เรื่องเช่นเดียวกับการทำอาหารนั่นคือ ส่วนผสมที่ดี เครื่องมือที่ใช่และสัดส่วนที่เหมาะสม เพราะการวางแผนเครื่องมือสำหรับการทำแคมเปญที่ถูกต้องเป็นเรื่องยาก
ทาง Youtube จึงร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในการเปิดตัวเครื่องมือใหม่ 2 ตัวที่จะมาช่วยให้การวางแผนโฆษณาผสมผสานอย่าง Youtube และ TV กลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
เราเข้าใจดีว่าการประเมิน reach ที่ซ้ำกันระหว่าง Youtube กับทีวีเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากเนื่องจากแหล่งที่มาหลากหลาย และวิธีคำนวนที่แตกต่างกัน จึงได้ร่วมมือกับ Nielsen และ Kantar เพื่อเปิดตัว TV in Reach Planner ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพและผสมผสานสื่อโฆษณาระหว่าง Youtube กับทีวีเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้ Reach มากท่ีสุดสำหรับการลงทุน โดยเครื่องมือนี้สามารถใช้งานได้แล้วในเวียดนามและจะทะยอยเปิดตัวในประเทศอื่นๆ บนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว Cross Media Reach Report หรือ XMR ที่จะช่วยให้คุณเห็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มขึ้นจาก Youtube และที่สำคัญความคุ้มค่า โดยผลที่เห็นใน XMR จะได้มาจากข้อมูลเรตติ้งรายการทีวีในอดีตจาก Kantar และ Nielsen รวมถึงข้อมูลของ Google ทำให้ได้เห็นผลลัพธ์อันน่าประทับใจทั้งในด้านการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและผลที่แบรนด์ได้รับ จากการวางแผนสื่อโฆษณาบน Youtube ร่วมกับทีวี เช่น กรณีตัวอย่างของมิรินด้าเวียดนาม ที่มีการทำคอนเทนต์ทั้งสองช่องทางจึงช่วยเพิ่มยอดขายออฟไลน์ได้ 7% หรือทางเมย์เบลลีน ประเทศไทย ที่สามารถเพิ่มยอดขายในช่องทางออฟไลน์ได้ 8% เช่นกัน
จากผลลัพธ์ของเครื่องมือที่เปิดตัวใหม่นั้น ส่งผลให้นักการตลาดและแบรนด์สามารถเลือกวางแผนการใช้งบประมาณได้อย่างคุ้มค่าขึ้น สร้างผลบวกต่อแบรนด์ สุดท้ายคือช่วยวางส่วนผสมในกลยุทธ์วางแผนสื่อของแต่ละช่องทางในสัดส่วนที่ถูกต้อง
สุดท้าย Video Reach Campaing ที่จะเป็นวิธีใหม่ในการซื้อที่จะใช้ประโยชน์จาก Machine Learning นักการตลาดจึงไม่ต้องเลือกระหว่าง Format ต่างๆ หรือจัดแบ่งงบประมาณด้วยตนเองให้เสียเวลา เพียงกรอกเป้าหมายการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและงบประมาณของคุณ จากนั้น Video Reach Campaing จะช่วยแนะนำสัดส่วนรูปแบบโฆษณาต่างๆ ที่ดีที่สุดให้คุณ
อย่างไรก็ตาม การวางแผนสื่อโฆษณายุคนี้ก็ไม่ต่างจากการทำอาหาร เมื่อคุณใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง กำหนดส่วนผสมในสัดส่วนที่พอดี คุณก็จะได้รับผลลัพธ์ที่ออกมาดีที่สุด