Site icon Thumbsup

อ่าน Statement ขององค์กรต่างๆ เกี่ยวกับการควบคุมปัญหา COVID-19 ที่กำลังลุกลามในไทย

จากปัญหาการลุกลามเรื่อง COVID-19 กลับมาเป็นกระแสร้อนแรงอีกครั้ง หลังพบคนไทยเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นและป่วยแต่ไม่แจ้งแพทย์จนเกิดปัญหาเชื้อโรคกระจายอีกครั้ง ทำให้หลายบริษัทต้องออกมาตรการขั้นเด็ดขาด เพื่อป้องกันปัญหาลุกลามใหญ่โต เรามาลองดูกันว่ามีบริษัทไหนออกมาตรการที่เกี่ยวข้องและป้องกันอย่างไรบ้าง โดยเราได้รวบรวมจดหมายข่าวที่ส่งมาแบบไม่มีตัดให้อ่านกันเต็มๆ เพื่อจะได้อ่านรายละเอียดแบบชัดเจนกันเลย

ทีม AIS

เอไอเอส จัดมาตรการขั้นสูงสุดรับมือการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 พร้อมเน้นย้ำบุคลากร, พาร์ทเนอร์ ดูแลสุขภาพ ป้องกันการแพร่ระบาดสู่ส่วนรวม มาตรการสำคัญที่ประกาศใช้ทั้งสำหรับบุคลากรและพาร์ทเนอร์ ได้แก่
  1. งดการเดินทางไปต่างประเทศโดยเด็ดขาด ทั้งในส่วนการปฏิบัติภารกิจของบริษัท และการเดินทางส่วนตัว โดยกรณีหากมีการเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงก่อนหน้านี้ ให้พนักงานปฏิบัติงานที่บ้าน – work from home และเฝ้าสังเกตอาการตัวเองเป็นเวลา 14 วัน หากครบกำหนดแล้วไม่พบอาการป่วย ให้พนักงานเข้าพบแพทย์แผนปัจจุบันชั้น 1 ในโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน หลังจากแพทย์ลงความเห็นว่าไม่มีอาการป่วยแล้ว ต้องนำใบรับรองแพทย์มาแสดงก่อนเข้ามาปฏิบัติงานตามปกติ
  2. งดการประชุมทางธุรกิจกับบุคคลภายนอก รวมถึงพาร์ทเนอร์ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกประเทศ โดยให้ใช้การประชุมทางโทรศัพท์หรือออนไลน์ (Conference Call) แทน พร้อมทั้งมีการกำหนดกระบวนการคัดกรองพาร์ทเนอร์ที่ต้องร่วมปฏิบัติงานกับทีมเอไอเอส
  3. สำหรับพนักงานที่ให้บริการลูกค้าใน AIS Shop, ร้านเทเลวิซ จะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา พร้อมมีการตรวจวัดไข้วันละ 2 ครั้ง และเพิ่มบริการแอลกอฮอล์เจลสำหรับล้างมือ เพื่อให้บริการลูกค้า
  4. ดำเนินการฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ปฏิบัติงานหลักตามตารางที่กำหนด ทั้งที่อาคารสำนักงาน รวมถึง AIS Call Center พร้อมตั้งจุดบริการแอลกอฮอล์เจลล้างมือ, เน้นย้ำการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อจุดเสี่ยงตลอดเวลา อาทิ ที่จับประตู ลิฟท์ และในส่วนที่ต้องสัมผัสบ่อยๆ
  5. อนุมัติปรับเวลาเข้าปฏิบัติงานของพนักงานตามความเหมาะสม เพื่อลดอัตราเสี่ยงจากการเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีความแออัดสูง
  6. จัดการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าอาคารเอไอเอส 1 และ 2 รวมถึงอาคารที่ทำงานอื่นๆ ในเครือเอไอเอส แบบ 100% โดยหากพบว่าพนักงานและผู้มาติดต่อ มีอุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส จะไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด
  7. งดประชุมหรือจัดกิจกรรมใดๆ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ที่ทำการของบริษัทที่จะมีจำนวนผู้เข้าร่วมตั้งแต่ 30 คนขึ้นไป

นอกจากนี้ เพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่พนักงาน เอไอเอสได้มอบกรมธรรม์ประกันชีวิต COVID-19 ให้กับพนักงาน ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมอบความคุ้มครองชีวิต 50,000 บาท นาน 30 วัน ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก ครอบคลุมการเสียชีวิตทุกกรณี หรือหากเป็นผู้ป่วยในที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากติดเชื้อ COVID-19 ก็ยังได้รับความคุ้มครองชดเชยรายได้ถึง 1,000 บาทต่อวัน สูงสุด 15 วัน พร้อมจัดการอบรมให้ความรู้และวิธีการป้องกันเกี่ยวกับเชื้อไวรัส COVID-19 โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำการดูแลตัวเองและคนในครอบครัวอีกด้วย

ทีม Storylog และ Barecave

จากเฟสบุคของ CEO Bearcave บริษัทผลิตคอนเทนต์ ได้ออกเนื้อหาเกี่ยวกับการอนุมัติให้พนักงานหยุดงานเมื่อเดินทางไปต่างประเทศอย่างน่าสนใจ

“เมื่อวานนัดประชุมด่วนกับ Team Lead และ HR เรื่อง COVID-19 และการทำงาน สรุปมาว่าทุกคนเห็นตรงกันเรื่องนี้ว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ต้องออกกฎเร่งด่วนขึ้นตรงกับสถานการณ์ แชร์ไว้เป็น Guideline และแลกเปลี่ยนความเห็นกันครับ

– ใครเดินทางไปต่างประเทศ กรณีแจ้งลาไว้นานแล้ว บังคับ Work from home 14 วัน เฝ้าระวังอาการ
– ใครเดินทางภายในประเทศด้วยเครื่องบิน กรณีแจ้งลาไว้นานแล้ว Work from home 7 วัน เฝ้าระวังอาการ

ใจจริงอยากให้เลื่อนไม่ก็ยกเลิกแหละ แต่บังคับกันไม่ได้…
Work from home ในกรณีนี้จะเป็นรูปแบบพิเศษ คือทุกเช้าต้องส่ง plan บอก lead ว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง อยากได้ความช่วยเหลืออะไรบ้าง ทุกเย็นต้อง report ส่ง และพร้อม Video Call เสมอ

– ใครแจ้งลาไปบินไปต่างประเทศ หรือบินกลับต่างจังหวัดหลังจากวันที่ประกาศ … ‘บังคับลา’ เฝ้าอาการ 7-14 วันทันที โดยให้ใช้วันลาตัวเอง หรือเป็น Leave without pay

ผมแจ้งน้องๆ ทุกคนในออฟฟิศให้เข้าใจว่าที่เข้มแบบนี้ ไม่ได้ Panic ไปเองนะโว้ย แต่รัฐบาลประกาศเฝ้าระวังระดับ 3 แล้ว ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไป …ตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ หากใครอยากรับความเสี่ยงบินตอนนี้ ก็ต้องรับเงื่อนไขนี้ให้ได้เพื่อส่วนรวม

– ปกติมีโควต้า Work from home อยู่แล้ว แต่กรณีจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูง เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง จะมีการประกาศ Work from home พิเศษให้ x วันต่อวีคในรูปแบบ fix วัน (ยังไม่สรุป) ช่วงนี้เตรียมความพร้อมตัวเองรอไว้ ที่ทางทำงานจากบ้าน อินเตอร์เนท การติดต่อต่างๆ

การป้องกันพื้นฐานก็จะพยายาม provide ให้ เช่น พวกสบู่ หรือ เจลล้างมือ

อาจจะดูเข้มงวด แต่เจตนาคือห่วงความปลอดภัยของทุกคนจริงๆ ไม่อยากให้มาติดกันเองในออฟฟิศกว่า 50 ชีวิต คนมีเชื้อก็ไม่รู้ตัว เกิดติดกันเอง คนแพร่ก็รู้สึกผิดกันไปเองเปล่าๆ ออกนโยบายกันไว้เลยดีกว่า

บริษัทใครมีแนวทางไหนดีๆ ป้องกันดีๆ มาแชร์กันได้

ทีม SCB

ไทยพาณิชย์เฝ้าระวังไวรัสโควิด19 ขั้นสูงสุด ขอพนักงานงดเดินทางตปท. เพิ่ม Thermo Scan ดูแลพนักงานและลูกค้า

ธนาคารไทยพาณิชย์ดำเนินการเฝ้าระวังไวรัสโควิด-19 ขั้นสูงสุด ขอความร่วมมือพนักงานงดการเดินทางต่างประเทศในธุรกิจของธนาคารทุกกรณี พร้อมให้พนักงานกรอกแบบสำรวจการเดินทางต่างประเทศทั้งของตนเองและบุคคลในครอบครัว รวมทั้งเพิ่มจุดติดตั้ง Thermo Scan และเครื่องฟอกอากาศเพื่อดูแลพนักงานและลูกค้าอย่างทั่วถึง

ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้ความสำคัญขั้นสูงสุดในการป้องกันและควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด19 โดยขอให้พนักงานงดการเดินทางต่างประเทศในธุรกิจของธนาคารทุกกรณี งด หรือ หลีกเลี่ยงการเดินทางส่วนตัวไปต่างประเทศในประเทศกลุ่มเสี่ยง 11 ประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน เวียดนาม และมาเลเซีย หากมีความจำเป็นให้แจ้งผู้บังคับบัญชาพิจารณาเป็นรายกรณี

นอกจากนี้ พนักงานทุกคนต้องกรอกแบบสำรวจการเดินทางต่างประเทศทั้งของตนเองและบุคคลในครอบครัว  และประกาศงด หรือ หลีกเลี่ยงการประชุมสัมมนาภายนอก งด หรือ หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมต่างๆ ของธนาคารที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก และให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปสถานที่ชุมชนหนาแน่น หากมีความจำเป็น ต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน

พนักงาน หรือ บุคคลที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันเดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงหรือทั้งพนักงานและบุคคลที่อาศัยในบ้านเดียวกัน มีการติดต่อโดยตรงกับกลุ่มเสี่ยง ให้ดำเนินการตามประกาศของธนาคาร โดยให้หยุดพักสังเกตอาการ (Self-quarantine14 วัน โดยถือเป็น Work from home และระหว่างปฏิบัติงานที่บ้าน หากมีอาการป่วยให้รีบพบแพทย์และแจ้งผู้บังคับบัญชาทราบทันที และขอให้พนักงานที่ Work from home งดการเดินทางออกจากที่พำนัก (Self quarantine) เพื่อร่วมกันแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม

เพื่อป้องกันความเสี่ยงและปกป้องสวัสดิภาพของพนักงานกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ จากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด19 จากบุคคลภายนอกที่มาติดต่อกับทางธนาคาร ทางธนาคารจึงได้ออกมาตรการพิเศษสำหรับพนักงานกลุ่มธนาคารทุกระดับชั้น ในการงดรับนัดหมายประชุมและพบปะโดยตรงกับบุคคลภายนอก ที่เดินทางมาจากประเทศหรือผ่านประเทศกลุ่มเสี่ยง 11 ประเทศ ในพื้นที่สำนักงานใหญ่ รัชโยธิน ในทุกกรณี ตามมาตรการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข และให้ใช้ช่องทางอื่นแทน เช่น Teleconference, VDO Call เป็นต้น

สำหรับบุคคภายนอกที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในธนาคาร เช่น Vendor, Outsources, Consult เป็นต้น ขอให้หน่วยงานต้นสังกัดแจ้งเกณฑ์การปฏิบัติตามประกาศของธนาคาร และหากพบว่า พนักงานมีอาการป่วย หรือ พบผู้มีอาการต้องสงสัยให้รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ และแจ้งหน่วยงานความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านมาตรการดูแลพนักงานและบุคคลภายนอก รวมถึงลูกค้าของธนาคารนั้น ธนาคารได้เพิ่มจำนวนกล้องถ่ายภาพความร้อนสำหรับวัดอุณหภูมิ หรือ Thermo Scan รวม 9 เครื่อง จากปัจจุบันที่ติดตั้งเครื่องดังกล่าวบริเวณทางขึ้นบันไดเลื่อน ณ อาคารสำนักงานใหญ่ เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิของพนักงานก่อนขึ้นอาคารสำนักงานใหญ่ ทั้งนี้ อุณหภูมิร่างกายต้องมีค่าไม่เกิน 37.5 องศา หากมีอุณภูมิร่างกายมีค่าเกิน 37.5 องศา จะไม่อนุญาตให้เข้าปฏิบัติงานในอาคาร ทั้งนี้ ธนาคารจะทยอยติดตั้งเครื่อง Thermo Scan เพิ่มเติมตามอาคารสำนักงานของธนาคาร เพื่อเฝ้าระวังไวรัสโควิด-19 และกำหนดจุดคัดกรอง จำกัดทางเข้าออกอาคาร กรณีมีการระบาดในพื้นที่ตามแผนการจัดการเหตุฉุกเฉินกรณีโรคติดต่อร้ายแรง

กรณีผู้มาติดต่อที่เป็นชาวต่างชาติธนาคารจะขอดู passport ก่อน หากมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง จะไม่อนุญาตให้ขึ้นอาคาร

นอกจากนี้ ธนาคารพิจารณาติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในพื้นที่ Public area และพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันสำหรับพนักงานกลุ่มที่ใช้บริการรถรับส่งพนักงาน เช่นการทำความสะอาด/การสวมหน้ากากอนามัย รวมทั้งเพิ่มรอบการทำความสะอาดราวบันไดเลื่อน ปุ่มลิฟท์ พ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณโถงลิฟท์ รวมทั้ง จัดหาเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ บริเวณหน้าลิฟท์ และประตูทางเข้าอาคาร

นอกจากนี้ ธนาคารจะดำเนินการตรวจวัดอุณหภูมิของพนักงานทุกคนที่เข้าทำงานภายในร้านค้าและอาคารสำนักงาน ต้องมีค่าไม่เกิน 37.5 องศา แล้วติดสติกเกอร์ สีต่างๆ (สีสติกเกอร์จะเปลี่ยนทุกวันเพื่อการตรวจสอบ)  ตรวจวัดอุณหภูมิผู้รับเหมาทุกคนก่อนแลกบัตรขึ้นอาคาร ตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานก่อนแลกบัตรเข้าห้องฝึกอบรม ตรวจวัดอุณหภูมิเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย / แม่บ้าน  คนสวน ทุกคน ขณะรวมแถวก่อนปฏิบัติงาน

ด้านเครือข่ายสาขาจัดให้พนักงานที่ปฏิบัติงานในสาขาสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ให้บริการลูกค้า และจัดเตรียมหน้ากากอนามัย สำหรับเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานกลุ่มเสี่ยงหากพบการติดต่อในพื้นที่

ขณะเดียวกันธนาคารได้ออกสื่อประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้และแนวทางการปฏิบัติเพื่อระวังและป้องกันตัวจากโรคดังกล่าวแก่พนักงานอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง โดยมีคณะกรรมการติดตามประเมินสถานการณ์และมีการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการเพิ่มเติมทุกวัน ทั้งนี้ยังไม่มีพนักงานของธนาคารที่ตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด

ทีม TRUE

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่กำลังขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนเป็นอย่างมาก กลุ่มทรู มีความห่วงใยลูกค้า และมิได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้เพิ่มมาตรการรับมือเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ทั้งที่ ทรูช้อป 424 สาขา ทรูคอฟฟี่ 140 สาขา ทรูแบรนด์ดิ้งช้อปและทรูสเฟียร์ 16 สาขา รวม 580 สาขาทั่วประเทศ

โดยในบริเวณทุกช้อปดังกล่าว ได้จัดเตรียมอุปกรณ์เจลล้างมือแอลกอฮอล์ที่ได้มาตรฐาน ให้ลูกค้าได้ใช้ฆ่าเชื้อขณะเข้ารับบริการ รวมถึงเพิ่มความถี่ในการความทำความสะอาดจุดสัมผัสสาธารณะในทุกช้อปทุกๆ 1 ชั่วโมง  นอกจากนี้ ในส่วนของพนักงานที่จะให้บริการลูกค้า บริษัทฯ ได้กำหนดให้สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน

ยิ่งไปกว่านั้น หากมีพนักงานเดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเก๊า เกาหลีใต้  ไต้หวัน มาเลเซีย  เวียดนาม อิหร่าน และอิตาลี พนักงานจะต้องหยุดพักและแยกตัวเอง (Self-quarantine) เพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยให้ปฏิบัติงานอยู่ที่บ้าน (Work at Home) เป็นระยะเวลา14 วัน หลังจากเดินทางกลับถึงประเทศไทย และเมื่อครบกำหนดแล้ว ต้องไปรับการตรวจ ณ โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน พร้อมนำใบรับรองแพทย์ มาแสดงในวันที่กลับมาปฏิบัติงาน

ทั้งนี้ กลุ่มทรู ตระหนักถึงความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยยังคงเคร่งครัดใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างต่อเนื่อง และขอยืนยันว่า ณ ขณะนี้ 28 กุมภาพันธ์ 2563 ยังไม่ปรากฏมีพนักงานทรูคนใดติดเชื้อไวรัส COVID-19 พร้อมขอความร่วมมืองดเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจากบริษัทฯ โดยขอให้ติดตามข่าวสารจากบริษัทโดยตรงเท่านั้น

ทีม DTAC

ดีแทคชี้แจง กรณีการให้บริการลูกค้าในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธ์ใหม่ COVID-19

ตามที่ได้มีผู้สอบถาม จากโซเชียลมีเดีย กรณีพนักงานที่ศูนย์บริการดีแทค เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น จากทริป แล้วกลับมาทำงานให้บริการลูกค้า ที่ศูนย์บริการนั้น ดีแทคขอชี้แจงสถานการณ์ล่าสุดว่

  1. ดีแทคได้ประกาศปิดให้บริการศูนย์บริการทั้งหมด 5 สาขา ที่มีพนักงานกลุ่มดังกล่าวสังกัดอยู่ ซึ่งสาขาดังกล่าวได้แก่ ศูนย์บริการดีแทค สาขาระยอง สาขาเซ็นทรัล เวสต์เกท สาขานครศรีธรรมราช สาขาเซ็นทรัล พระราม 3 และสาขาเซ็นทรัลสุราษฎร์ธานี
  2. ดีแทคจะจัดทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในบริเวณพื้นที่ให้บริการทั้ง สาขา โดยปิดทำการตั้งแต่วันนี้  และจะเปิดทำการปกติในวันที่ 13 มีนาคม 2563
  3. สำหรับพนักงานในสาขาดังกล่าวที่เพิ่งเดินทางกลับจากญี่ปุ่นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทั้งหมด จะเฝ้าระวังอาการอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน 

ทั้งนี้ ดีแทคได้กำหนดมาตรการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID -19 ฉบับที่ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามลิงค์นี้ https://dtacblog.co/story-th/dtac-regulations-pertaining-to-coronavirus-covid-19/

อย่าเพิ่งเกลียดหนู! แซลมอนก็ไม่ได้เป็นของต้องห้าม

สภาอุตสาหกรรมนอร์เวย์ขอชี้แจงถึงประเด็นที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดจากกรณีประกาศจากองค์กรอนามัยโลก (WHO) ด้านความปลอดภัยของอาหาร ที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19)

โดยองค์กรอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการหยิบจับหรือบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารประเภทเนื้อสัตว์ดิบ หรือปรุงไม่สุก อย่างไรก็ตาม ประกาศขององค์กรอนามัยโลกไม่ได้มีการกล่าวถึงอาหารทะเล และไม่ถือว่าเป็นอาหารที่เป็นแหล่งแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/advice-for-public

ผู้บริโภคยังคงสามารถรับประทานซูชิแซลมอนจากนอร์เวย์ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับเชื้อไวรัสโคโรน่า

แซลมอนจากนอร์เวย์ได้รับการรองรับว่า เป็นอาหารที่มีความปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ สามารถรับประทานแบบดิบ เช่น ซูชิ และซาชิมิ ได้โดยปราศจากการแช่แข็ง เหตุผลสำคัญที่ทำให้สามารถรับประทานแซลมอนจากนอร์เวย์แบบดิบได้นั้น มาจากการที่แซลมอนจากนอร์เวย์มีการเลี้ยงดูที่ความพิเศษด้วยอาหารแห้งที่ผ่านกรรมวิธีอบร้อน ดังนั้น ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่าแซลมอนจากนอร์เวย์นั้นปราศจากพยาธิ

https://www.mattilsynet.no/language/english/fish_and_aquaculture/farmed_atlantic_salmon_and_rainbow_trout_are_safe_for_sushi_and_sashimi.31976

การเพาะเลี้ยงแซลมอนจากนอร์เวย์มีการปฏิบัติการตามกฏข้อบังคับที่เข้มงวดของสหภาพยุโรป เพื่อรองรับมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร ในทุกๆ ปี ประเทศนอร์เวย์ได้มีการติดตามประเด็นด้านสารพิษตกค้างในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอันเป็นผลมาจากสิ่งแวดล้อมและการใช้ยาปฏิชีวนะ โดยแต่งตั้งให้สถาบันวิจัยทางทะเลดำเนินการวิจัยในนามของหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารของนอร์เวย์ โดยประชาชนสามารถเข้าไปดูข้อมูลโครงการ รวมถึงผลการติดตามจากโครงการได้ และจากการติดตามผลของโครงการ แซลมอนจากนอร์เวย์ไม่ได้รับคำแนะนำพิเศษเพิ่มเติม กล่าวได้ว่าแซลมอนจากนอร์เวย์มีนวัตกรรมการเพาะเลี้ยงที่มีคุณภาพสูง และยังได้รับการยืนยันว่าเป็นอาหารที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ 

 

ซึ่งทั้งหมดที่รวบรวมมาให้อ่านนี้ ก็เพื่อให้ทุกท่านตัดสินใจและลดความตื่นตระหนกในการเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ หากเป็นประเทศกลุ่มเสี่ยงก็ควรระมัดระวังและปฏิบัติตามกฏเพื่อลดปัญหาการลุกลามของโรคดังกล่าว ส่วนใครที่ไม่ได้เดินทางไปไหนก็ป้องกันตนเองและดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ