สำหรับคราวนี้ก็ถึงตอนที่ 3 กันแล้วนะคะ ของการเรียนรู้ MBA ฉบับย่อกับ Steve Jobs โดยคราวนี้มีเทคนิคที่ใครหลายๆ คนสามารถนำไปใช้ในที่ทำงานได้ด้วย นั่นคือการฝึกการนำเสนอค่ะ รีบไปอ่านกันเลยดีกว่า 😀
Dazzle Your Audience? -? ทำให้ผู้ฟังของคุณเคลิบเคลิ้มตาม
Carmine Gallo ผู้แต่ง The Presentation Secrets of Steve Jobs
ในบทเรียนนี้เป็นการยกเนื้อหาสำคัญบางส่วนมาจากหนังสือ “The Presentation Secrets of Steve Job” ค่ะ ซึ่งบ้านเราก็ได้มีการแปลออกมาเป็นภาษาไทยแล้วในชื่อ “เก่ง Presentation อย่างสตีฟ จ๊อบส์”
Jobs เป็นผู้ถ่ายทอดและเล่าเรื่องราวได้อย่างยอดเยี่ยมมากที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาถือว่าการทำ presentation ทุกครั้งต้องคล้ายละครเวที ด้วยเทคนิค 3 ประการดังนี้
1. พัฒนาประโยคให้สั้นคล้ายกับสิ่งที่จะพูดบน Twitter? เมื่อ Jobs เปิดตัว iPod ในปี 2001? เขาแนะนำด้วยประโยคว่า ?1,000 เพลงในกระเป๋าคุณ?? MacBook ดั้งเดิมเขาใช้คำประกาศว่าเป็น ?Notebook ที่บางที่สุดในโลก?? สำหรับเครื่อง iPad ใช้ประโยค ?อุปกรณ์ปฏิวัติและมหัศจรรย์? สมองมนุษย์อยากรู้ความหมายก่อนรู้รายละเอียดเสมอ แต่บ่อยครั้งที่บริษัทต่างๆ มักจะพยายามสื่อสารเรื่องต่างๆ มากมายก่อนที่จะนำเสนอภาพใหญ่ให้กับผู้ฟัง
Jobs รู้เรื่องนี้ดีด้วยสัญชาติญาณและพยายามนำเสนอข้อความหลักของสินค้าด้วยประโยคเดียวทั้งสิ้น เขาไม่มี Twitter account แต่ทุกเนื้อหาของสินค้าของเขาสามารถอธิบายได้ด้วย 140 ตัวอักษร (หรือน้อยกว่านั้น!)? หากคุณยังไม่สามารถบรรยายสินค้าของคุณด้วยประโยคเพียงประโยคเดียว จงพยายามใหม่จนกว่าจะทำได้
อ่านแล้ว แหม…Twitter ทำให้เราได้ฝึกการคิดและอธิบายออกมาให้ได้ใจความนะเนี่ย ^^
2. ต้องสร้างแผ่น slides ที่เห็นปุ๊บเข้าใจปั๊บ (visual) สังเกต presentation ของ Jobs เขาใช้ภาพถ่ายมากมายและไม่มี Bullet Point ด้วยซ้ำไป??? slides ที่มีทั้งภาพชัดเจนย่อมดีกว่า slides ที่มีแต่ตัวอักษรล้วนๆ ข้อมูลต่างๆ ที่ถูกนำเสนอจะถูกสะสมในความจำของมนุษย์เพียง 10% เท่านั้นนาน 3 วัน? แต่ถ้าบวกกับภาพที่ดูแล้วเข้าใจทันทีสามารถเพิ่มการสะสมสูงถึง 65% โดยเฉลี่ยแล้ว Power Point slide จะประกอบไปด้วยคำ 40 คำ (ข้อมูลโดย Edward R Tufte Professor จาก Yale) แต่ไม่เคยพบแผ่น slides จำนวน 10 แผ่นของ Jobs มีถึง 40 คำเลย???? Jobs ได้ใช้ software ของ Apple Keynote แทน PowerPoint แต่คุณก็สามารถปรับใช้เทคนิคของเขาบน PowerPoint แทนได้เช่นกัน จงคิดแบบ visual และจงถอยออกห่างแผ่น slides ที่ไม่มีอะไรนอกจากคำพูดเท่านั้นหรือด้วย bullet point เท่านั้น
3. ยึดติดกับกฏของเลข “3” เสมอ Jobs แนะนำ iPad 2 ด้วย 3 คำ ?บางกว่า เบากว่า และเร็วกว่า? (thinner, lighter and faster) กว่ารุ่นแรก นักจิตวิทยาบอกว่ามนุษย์มีความจำระยะสั้นต่อบทความที่ได้แยกเป็น 3 ส่วน เมื่อเป็นเช่นนั้นทำไมต้องให้ผู้ฟังมากถึง 22 จุดและจำอะไรไม่ได้เลย จงติดกับข้อความด้วยหลัก 3 ประการ คุณสามารถเสริมด้วยข้อมูลเพิ่มและจุดเสริมรองๆ แต่ให้เน้นและยึดภาพใหญ่ด้วย 3 จุดเสมอ
จงสังเกตการ presentations ของ Jobs ดูนะคะ มันช่างน่าสนใจจริงๆ เพราะคนส่วนใหญ่มีแต่นำข้อมูลส่งต่อให้กับผู้ฟัง แต่สำหรับ Jobs แล้ว เค้าสามารถทั้ง เล่า (inform) สอน (educate) และสร้างความบันเทิง (entertain) ได้ จงใช้เทคนิค 3 ประการนี้คุณก็สามารถที่จะดลบันดาลใจและทำให้ผู้ฟังหลงใหลอย่าง Jobs ได้เช่นกัน
Steve Jobs 😕 in his own words?? คำพูดจากตัว Steve Jobs? เองบางประการ
มีข้อความโดนๆ อีกมากมายจากคำพูดของ Steve Jobs เองค่ะ โดยได้รวบรวมมาไว้ในที่นี่แล้ว ^_^
1)??????????? Nov. 9, 1996??? นวัตกรรมไม่เกี่ยวกับปริมาณเงินในการทำ R&D ของคุณ Apple ได้สร้าง Mac ขณะที่ IBM ใช้เงินทำ R&D มากกว่าของเขาถึง 100 เท่า มันไม่เกี่ยวกับตัวเงินแต่เกี่ยวกับคนของคุณ พวกเขาถูกคุณนำอย่างไร? และคุณได้รับอะไรจากสิ่งนั้นต่างหาก
2)??????????? May 25, 1998??? บ่อยครั้งค่อนข้างลำบากที่จะออกแบบสินค้าตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย? เพราะคนมักไม่รู้อยากได้อะไรจนกว่าคุณจะได้แสดงให้เขาเห็น
3)??????????? Oct. 12, 2004???? นวัตกรรมของ Apple ได้มาจากการปฏิเสธสิ่งของนับ 1,000 อย่าง เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ไปผิดทางหรือได้พยายามทำของมากเกินไป
4)??????????? April 22, 1998??? (บอกกับผู้ถือหุ้น)? ไม่มีใครพยายามจะกลืนพวกเราตั้งแต่ผมกลับเข้ามาอยู่ที่นี่ ผมคิดว่าพวกเขากลัวว่าเราจะมีไม้ลายมืออย่างไร
5)??????????? Jan. 24, 2000???? (Mac OS X?s Aqua user interface)? เราสร้างปุ่มต่างๆ บนหน้าจอที่ดูดีมาก? จนคุณอาจต้องการที่จะเลียมันเลยทีเดียว (เน้นย้ำกันสุดๆ ว่าออกแบบ UI ออกมาได้ดีมากๆ)
6)??????????? May 12, 2003??? iTunes จะถูกจดบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับวงการอุตสาหกรรมดนตรี
7)??????????? Oct. 12, 2004??? ผมต้องการครอบครองและควบคุมเทคโนโลยีพื้นฐานในทุกสิ่งที่เราทำขึ้นมาเสมอ
8)??????????? Jan. 28, 2010???? (บอกพนักงาน Q&A) Android ต้องการฆ่า iPhone? เราไม่ปล่อยให้เขาทำได้แน่
9)??????????? May 25, 1993???? (ในความล้มเหลว)? ผมไม่สนใจว่าจะเป็นคนร่ำรวยที่สุดในสุสาน? แต่ถ้าก่อนที่จะเข้านอน เราสามารถบอกได้ว่าได้ทำบางสิ่งที่วิเศษสุดแล้ว? นั่นแหละเป็นสิ่งที่ผมสนใจ?? บางครั้งคุณอาจสร้างสรรค์หรือปรับปรุงสิ่งใหม่แต่เกิดความผิดพลาด จงยอมรับมัน, ก้าวต่อไปและทำให้ดีขึ้น
?
Challenge The Expectations Of Others??? ท้าทายความคาดหวังของผู้อื่นที่มีต่อคุณ
Jeff Javis?? ผู้แต่ง?? What Would Google Do?? And? Public Parts
ย้อนหลังไปสมัยที่ AOL มองแต่วงการบันเทิงอย่างเดียวจนเข้าซื้อ Time Warner และแล้วก็ไปได้ไม่ไกล ความจริง AOL มีทั้งเครื่องมือด้านการสร้าง social net-content creation, conversation, friendship แต่พวกเขากลับไม่รู้ตัวว่าความจริงพวกเค้าเป็น Facebook ?ได้ก่อนที่ Mark Zuckerberg จะสร้าง Facebook ขึ้นมาให้เป็นรูปเป็นร่าง ดังนั้นคิดว่า Apple คืออะไรกันแน่เพราะไม่ใช่เป็นอย่างที่เห็น?? พวกเขาไม่ใช่โรงงานผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์เพราะจีนเป็นคนผลิตให้ ไม่ใช่บริษัทโทรศัพท์เพราะมีบริษัทโทรคมนาคมดำเนินการแทน หรือเป็น software programmer ก็ไม่ใช่อีกเพราะไม่มีอีกแล้ว ถ้าเป็นนักออกแบบที่ปรกติจะออกแบบมากมายแต่ Jobs เสนอให้เราครั้งละสิ่งเดียวเท่านั้นและบอกให้พวกเราจงทนให้และจงรักมัน และแล้วพวกเราก็ยอมทำตาม
แล้ว Apple กลายเป็นอะไรกันแน่ ความเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงของ Jobs คืออะไรแน่ ขายปลีกหรือเปล่า เวลาที่ท้องตลาดเริ่มเงียบและตั้งท่าโจมตี ร้านขายปลีก Apple กลับทำสถิติขายอย่างถล่มถลายโดยมิได้ใช้กลยุทธ์ยัดเยียดแต่กลับหลบซ่อนแทน สินค้าของเขาชักชวนให้เราไป hang out กันที่ Wi-Fi clubhouse เป็นประจำ แน่นอน เมื่ออุตสาหกรรมดนตรีไม่สามารถขายเพลง แต่ Jobs ?สามารถทำได้ และขายทั้งหนังสือ ทั้งแอพฯ แล้วต่อไปจะมีอะไรออกมาเล่า? มันอาจเป็นแฟชั่น? อาจเป็นบ้าน? อาจเป็นรถ หรืออะไรต่อมิอะไรล้วนเป็นของที่อยากได้อยากซื้อกัน แล้วคุณล่ะคะ?
สำหรับบทเรียนนี้เค้าได้สอนว่า อย่ายอมรับข้อสันนิษฐานที่ผู้อื่นว่าคุณทำอะไร ว่าคุณเป็นใคร หรืออยู่ในฐานะอย่างไร?? อย่าไปสนใจจงเป็นอย่างที่คุณเป็นและเชื่อมั่นในตนเองดีที่สุดค่ะ
มาเกือบครึ่งทางกันแล้วนะคะสำหรับบทความนี้ และยังเหลืออีกครึ่งทาง หวังว่าคงจะไม่เบื่อกันไปเสียก่อนนะ เอาแบบนี้ดีกว่าเราลองมาแลกเปลี่ยนกันค่ะ ว่าใครชอบข้อไหนเป็นพิเศษและเพราะอะไร ตั้งแต่อ่านตอนที่ 1 มาจนถึงตอนที่ 3 นี้ เพื่อนๆ คิดว่าไงเอ่ย? ^_^
ที่มา : Wired Magazine