วันสองวันนี้จะมีกระแสอะไรที่แรงไปกว่า “ลักเหนียวไก่” แล้ว ที่ไม่ว่าจะเปิดไปหน้า News Feed ของ Facebook หรือเข้าไปที่เพจของเพื่อนก็จะเจอการแชร์คลิปนี้หรือภาพนิ่งเกี่ยวกับสิ่งนี้ ด้วยเหตุนี้ผมเลยขอพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจากการสังเกตกระแสนี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตบางอย่างในบทความนี้ครับ
ทำไมต้อง “ลักเหนียวไก่” อะไรคือที่มา
เกิดจากการที่น้องผู้หญิงคนหนึ่งถูกขโมยข้าวเหนียวไก่ไป จึงตัดสินใจถ่ายคลิปวิดิโอที่กระจกเพื่อระบายอารมณ์ความโกรธแค้นว่าของสิ่งนี้ยังจะขโมยกันได้ ซึ่งหลังจากแชร์ออกไปในกลุ่มเล็กๆ เพื่อนๆ ของน้องก็แชร์ต่อไปอีก จนทำให้คลิปนี้กลายเป็นกระแสขึ้น จนถูกเรียกชื่อคลิปนี้ว่า “#ลักเหนียวไก่”
และด้วยกระแสนี้ทำให้เกิดรูปแบบการทำเป็นสิ่งต่างๆ ด้วยความสนุกและความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการทำคลิปล้อเลียนออกมา (เราขอไม่แชร์นะครับ), การทำภาพต่างๆ ออกมาล้อเลียนทั้งเป็น meme “ผมนี่…เลย” อันสุดฮิต และอื่นๆ อีกมาก ซึ่งผมขอไม่แชร์นะครับ แต่ก็คงจะเห็นกันมามากแล้ว
ด้วยเหตุนี้ผมเลยดูความเป็นไปบน Facebook ว่าหลังจากมีกระแสฮิตแล้ว มีเพจไหนบ้างที่ให้ความสนใจ เล่น Real-Time Marketing กับเรื่องนี้บ้าง
มองเพจบน Facebook ชื่อดังว่าเล่นกับเขาไหม
เพจที่หันมาเล่นเรื่องนี้ที่ผมเจอจะเป็นเพจแนวตลก สนุกสนาน เห็นเด่นๆ ก็จะมีอยู่ 2-3 เพจครับ อย่าง JayTheRabbit ที่จัดมาถึง 2 โพสต์
หรือจะเป็นคนอะไรเป็นแฟนหมี ก็ยังเล่นกับเขาด้วย
และเรียนเจ้านายที่เคารพ
ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมากๆ ดูจากการ Like, Comment และ Share ซึ่งพื้นฐานก็คือเพจทั้งหมดเป็นเพจที่สนุกอยู่แล้วด้วยครับ ส่วนเพจอื่นๆ ก็จะอาศัยการแชร์วิดิโอคลิปวิดิโอเสียแทนครับ
เพจแบรนด์ทั้งหลายหล่ะ
พอมองมาที่แบรนด์ของไทย โดยปกติ เวลามีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจและเป็นกระแส เพจแบรนด์ทั้งหลายก็มักจะสร้างสิ่งที่ตัวเองมีผูกเป็นเรื่องราวให้เกี่ยวข้องกับกระแสในแบบ Real-Time เรื่องนี้คงจะมีสิ่งเกี่ยวข้องอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากเรื่องไก่ทั้ง KFC, Chester’s Grill โดยเมื่อเข้าไปสังเกตดูแล้วก็ไม่พบว่ามีโพสต์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องเลย นอกเสียจากที่
KFC เองก็มีโพสต์ลงเหมือนกันแบบเบาๆ ด้วยเล่นคำว่าเหนี่ยวไก่ ซึ่งเป็นภาษาพูดจากในคลิปมาเป็น Copy ในภาพ
และก็มีการเข้ามาสอบถามจากบรรดาแฟนๆ ด้วยคำถามสุดฮิตอย่าง “มีเหนี่ยวไก่ไหม” โดยทางเพจก็ทำการ “ขายของ” ตามปกติ
บางแบรนด์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องเลยก็พยายามที่จะเกาะกระแสไปกับเขาด้วย ซึ่งก็พยายามที่จะโยงให้เข้ากับสิ่งที่ตัวมีอยู่
เมื่อมาคิดถึงสาเหตุที่แบรนด์ส่วนใหญ่ไม่ลงมาเล่น Real-Time Content ด้วย ก็เป็นไปได้หลายอย่างครับ
- ตัว Content ต้นฉบับนั้นมีความ Sensitive ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการล้อเลียนภาษาท้องถิ่น (ภาษาใต้) รวมทั้งมีคำหยาบอีกด้วย ซึ่งสามารถดราม่าได้ทุกเมื่อ
- ดึงแบรนด์ลงมาเล่นกับสิ่งที่ไม่มีขายอยู่จริงในร้าน (ข้าวเหนียว)
- ความไม่คุ้มในการมาเล่นเพื่อสิ่งเดียวที่เป็นกระแส ที่คิดว่าจะอยู่ไม่นาน (ได้ไม่คุ้มเสียและเสี่ยง)
เราจึงไม่ค่อยทางแบรนด์และทีมที่ดูแลด้านเนื้อหาก็คงจะคิดกันแล้วเลยไม่มีการโพสต์ตัวรูปภาพให้เราเห็นเลยครับ
แต่เคสที่น่าสนใจในมุมมองผมก็คือ…
Wongnai เลือก Content Marketing เกาะกระแส
การใช้ Content Marketing ในการเกาะกระแส จะต้องทำอย่างรวดเร็วและโดนใจผู้ที่ได้เห็นมากที่สุด และนี่ก็เป็นสิ่งที่ทาง Wongnai เว็บไซต์รีวิวอาหารเล็งเห็นจุดที่น่าจะเข้าไปได้ เลยเข้าไปเกาะกระแสเรื่องนี้ด้วยการเขียนเนื้อหาโดยการแนะนำ 10 ร้านข้าวเหนียวไก่บนหน้าเว็บไซต์ Wongnai.com ร่วมไปถึงการโพสต์บน Facebook ในช่วงเวลาที่ยังคงเป็นกระแสอยู่ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก
สิ่งที่ Wongnai ประสบความสำเร็จในการทำ Real-Time Marketing ก็คือ
- Wongnai ไม่ศูนย์เสียการเป็นแบรนด์ในการรีวิวอาหารของเว็บไซต์ไป เพราะทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม
- ยังเล่นอยู่ในช่วงที่ยังเป็นกระแส
- ตอบคำถามคนที่อยากรู้ว่ามีที่ไหนน่ากินบ้าง ด้วยการใช้ข้อมูลที่มีอยู่มาทำเป็น Content ใหม่
- เลือกเวลาโพสต์บน Facebook ในช่วงมนุษย์เงินเดือนกำลังหิว (เกือบ 4 โมงเย็น)
ส่วนผสมค่อนข้างลงตัวมากๆ ในการเล่นกับ Real-Time Marketing ของ Wongnai ประสบความสำเร็จอย่างมากครับ
และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังมีกระแสเหนียวไก่บนโลกออนไลน์และ Facebook ที่สร้างความคึกคักอย่างมาก
ถามว่าใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ก็คงจะเป็นผู้ขายข้าวเหนียวไก่ เพราะทุกคนต่างเรียกร้องอยากกินจนทำให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยใช่ไหมครับ