ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับความสูญเสียครั้งประวัติศาสตร์ในช่วง 3 เดือนแรกของปีท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นักลงทุนเทขายอย่างมหาศาล
ค่าเฉลี่ย The Dow Jones Industrial และ FTSE 100 ของลอนดอน เผชิญกับไตรมาสที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1987 ร่วงลง 23% และ 25% ตามลำดับ
ขณะที่ S&P 500 ร่วงลง 20% ในไตรมาสแรก ต่ำสุดนับตั้งแต่ปีที่เกิดวิกฤติการณ์ทางการเงิน 2008
แม้จะมีมาตรการ Circuit Breaker มาหยุดยั้งการเทขายของนักลงทุน แต่ก็ไม่เพียงพอในสถานการณ์ที่การแพร่กระจายของไวรัสทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและยุโรป
นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะเลวร้ายยิ่งกว่าวิกฤตการณ์ทางการเงิน โดยนักวิเคราะห์ของ ISH Markit คาดการณ์ว่าการเติบโตจะหดตัว 2.8% ในปีนี้เมื่อเทียบกับที่ลดลง 1.7% ในปี 2008
กระทบทั่วโลก
ไม่มีประเทศไหนที่ไม่ได้รับผลกระทบ ข้อมูลคาดการณ์ว่าการเติบโตของจีนจะขยายตัวเพียง 2% ขณะที่สหราชอาณาจักรจะเห็นการเติบโตลดลงถึง 4.5% แนวโน้มของประเทศอิตาลีและประเทศอื่นในยุโรปยิ่งเลวร้ายมากไปอีก
การวิเคราะห์ของ US Bank Wealth Management ระบุว่า
“แม้จะมีมาตรการกระตุ้นทางการเงินของหลายประเทศ แต่ความผันผวนของตลาดหุ้นจะยังคงอยู่ในระดับสูง ตราบใดที่ยังไม่รู้ระยะเวลาการระบาดของโควิด-19 และความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันยังถูกกดดัน”