ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กกำลังสูญเสียรายได้ครั้งใหญ่ หลังบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ได้แก่ Unilever, Coca-Cola, Pepsi, Ben&Jerry’s, Hershey’s, Honda, Patagonia, The North Face, Starbucks และอื่นๆ อีกมากมาย ถอนโฆษณาออกจากเฟสบุ๊กตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ เนื่องจากเฟซบุ๊กล้มเหลวในการจัดการเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและ Hate speech บนแพลตฟอร์ม
การคว่ำบาตรครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ #StopHateforProfit ที่ถูกตั้งขึ้นหลังเหตุการณ์การเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ เพื่อกระตุ้นให้ภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมในสังคมมากขึ้น โดยแบรนด์ต่างๆ จะถอนโฆษณาออกจากแพลตฟอร์มจนกว่าเฟซบุ๊กจะมีนโยบายที่ชัดเจนในการจัดการเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและ Hate Speech ได้
บริษัทยักษ์ใหญ่ประกาศตัวเข้าร่วม
- Unilever บริษัทเครือใหญ่จะทำการหยุดลงโฆษณาในสหรัฐฯ บน Facebook, Instagram และ Twitter อย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2020
- Coca-Cola จะทำการหยุดลงโฆษณาบนทุกแพลตฟอร์มทั่วโลก ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน
- Ben & Jerry’s ผู้ผลิตไอศกรีมชื่อดัง กล่าวว่าจะหยุดโฆษณาบน Facebook และ Instagram ในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม
- Starbucks เชนร้านกาแฟระดับโลกยุติการลงโฆษณาในทุกๆ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด
- Honda แบรนด์รถยนต์รายแรกที่เข้าร่วมแคมเปญ ประกาศว่า Facebook และ Instagram ควรยืนหยัดต่อต้านการเหยียดสีผิวและ Hate Speech
และมีบริษัทอีกจำนวนมาก ที่ร่วมแคมเปญหยุดซื้อโฆษณาบนแพลตฟอร์มของ Facebook
หลังจากหลายบริษัทเริ่มเข้าร่วมแคมเปญหุ้นของเฟซบุ๊กร่วงลงไปกว่า 8% ส่งผลให้มูลค่าของเฟซบุ๊คลดลงกว่า 56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 1.68 ล้านล้านบาท และทรัพย์สินของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ลดลงกว่า 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 2.16 แสนล้านบาท
อ้างอิง CNN, Knowledia, Marketwatch