เพราะการทำคอนเทนต์ที่ดีสามารถพลิกฟื้นธุรกิจที่กำลังย่ำแย่ ให้กลับมาคึกคักมีกำไรได้อีกครั้ง โดยการทำคอนเทนต์ที่ดีมักอาศัยสิ่งที่เรียกว่า Storytelling เราลองมาฟังวิธีการที่คุณ ไกรวิน วัฒนะรัตน์ CEO & Co-Founder AHEAD.ASIA นำมาใช้ และแชร์ไว้ในงาน BIG CHANGE TO BIG CHANCE ของ ETDA Thailand กัน
ทำไมต้องมี Storytelling
เพราะพอเรามีเน็ตในมือถือ ทำให้เราเลือกดูช่องไหนก็ได้ ซึ่งทุกอย่างเป็นคอนเทนต์ได้ ขนาด “กลิ่น” ก็ยังเป็นคอนเทนต์เช่นกัน ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือเวลาที่คนต้มมาม่าหมูสับในออฟฟิศ โดยในอนาคตเทคโนโลยีจะกลายเป็น O2O (Online to Offline) ที่โลกทั้งสองใบทาบทับกันจนเสมือนโลกเดียวกัน
ซึ่งตัวอย่างของบริษัทหนึ่งที่มีลูกค่ามหาศาลจาการขายคอนเทนต์นั่นคือ Walt Disney นั่นเอง โดยในการที่เราทำคอนเทนต์ให้คนดู สิ่งที่คนจะแลกมาก็คือ “เวลา” นั่นเอง อย่างเจ้าใหญ่ด้านคอนเทนต์อีกรายคือ Netflix ถึงกับเคยบอกว่ากำลังทำคอนเทนต์แข่งกับ “เวลานอน” ของคน
สิ่งที่ Storytelling ที่ดีมี
1. Tension ปมความขัดแย้ง เช่น ภาพยนต์ คู่กรรม, Romeo and Juliet, Titanic
2. Relatable เช่น ภาพยนต์เเฟนฉัน ที่ในเนื้อเรื่องทุกๆ 3-4 ฉากสร้างความคุ้นเคยให้คนดู ทำให้ดึงผู้ชมให้เกิดความสนใจได้
3. Novelty ความสดใหม่ เพราะธรรมชาติมนุษย์ดั้งเดิม เมื่อพบสิ่งที่แปลกใหม่ ไม่เคยเห็น จะมีการเร้าประสาท และทำให้ติดตา
4. Fluency กล่าวกันว่านักเขียนที่เก่งที่สุดคือนักเขียนที่เขียนแล้วคนอ่านอ่านจบเร็วที่สุด
5.Human touch ต้องมีความเป็นมนุษย์
Noam Chomsky นักภาษาศาสตร์ชื่อดังบอกเอาไว้ว่า ภาษาที่เราใช้อาจไม่ใช่เพื่อสื่อสาร แต่มันทำหน้าที่บางอย่างให้เรา ด้วยการสร้างความเชื่อ การทำตาม ซึ่งการทำ Storytelling ดีๆ ก็สามารถสั่นคลอนสมอง แบบที่ “ศาสนา ” ทำได้เช่นกัน และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำ Storytelling คือ “คุณ”
ชมคลิปเต็ม: