ธุรกิจสินค้าลักชัวรี่อาจเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เรียกได้ว่าเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงของยุคดิจิทัลในแบบของตัวเอง นั่นคือไม่ได้ถูกถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็วจนแบรนด์ตั้งรับไม่ทันเหมือนที่หลาย ๆ ธุรกิจกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะนิ่งไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ซึ่งการจะทำความรู้จักธุรกิจกลุ่มลักชัวรี่ให้มากขึ้นนั้น เราพบว่างานวิจัยจาก Ipsos เรื่อง Luxury Journey 2018 ที่นำมาเผยแพร่ผ่าน Luxurance Center อาจมีข้อมูลหลาย ๆ อย่างที่สามารถจุดประกายได้ และนำมาซึ่งคำตอบที่ดีสำหรับคนที่อยู่ในธุรกิจลักชัวรี่นี้
จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยตลอดปี 2017 ที่มากถึง 9.5 ล้านคน ตามการเปิดเผยของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. นั้น ทำให้ Tencent ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม WeChat ซึ่งมีคนจีนใช้งานมากเป็นอันดับต้น ๆ ต้องออกมารุกตลาดมากขึ้นด้วยการเปิดพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีน และออกโรงชวนผู้ประกอบการไทยให้มาสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของชาวจีนผ่านการซื้อมีเดียบนแพลตฟอร์ม Tencent Social Ads (TSA) ได้โดยตรง ที่สามารถแสดงผลโฆษณาได้บนช่องทางต่าง ๆ ของธุรกิจในเครือของ Tencent โดยตั้งเป้าผลประกอบการในธุรกิจนี้เอาไว้ที่ 50 – 100 ล้านบาท
ในประเทศไทย หากยังจำได้ เคยเกิดกรณีพ่อบ้านบางท่านหนีไปนั่งหลับในห้องให้นมบุตรตามห้างสรรพสินค้าจนเกิดดราม่าบนโลกออนไลน์กันมาแล้ว แต่สำหรับประเทศจีน การแก้ปัญหาด้วยการสร้าง “พ็อด” (Pod) สำหรับให้คุณพ่อบ้านได้นั่งเล่นเกม หรือดูรายการโปรดระหว่างรอภรรยาไปช้อปปิ้งอาจเป็นการแก้ปัญหาที่โดนใจคุณผู้ชายมากกว่า
ในวันที่ใคร ๆ ก็มองนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มเป้าหมาย และมีการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจไทยหาทางเจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้ได้ ผ่านบริการชำระเงินที่ชาวจีนนิยมใช้อย่าง Alipay หรือ WeChat Pay ไปจนถึงการลงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Social Media ที่ชาวจีนใช้งานอย่างล้นหลาม แต่นั่นอาจไม่ใช่ทั้งหมด เพราะบางทีแม้จะหาทางดึงนักท่องเที่ยวจีนมาได้แล้วก็ยังไม่อาจสร้างความประทับใจได้ หากยังไม่เข้าใจในพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนในบริบทอื่น ๆ ที่เปลี่ยนไป
ถือเป็นการเปิดตัวแพลตฟอร์ม “Tencent Social Ads” (TSA) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย หลังจากเปิดทดลองใช้บริการมาแล้วประมาณ 1 ปี โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นเครื่องมือสำหรับช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ ของไทย สามารถทำการตลาดโดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายลูกค้าจากจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านบริการต่าง ๆ ของ Tencent นั่นเอง
“นักท่องเที่ยวชาวจีน” ใครมองว่าคนกลุ่มนี้ไม่สำคัญอาจต้องคิดใหม่ เพราะมีตัวเลขจาก Tencent บริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ออกมาเผยแล้วว่า ในปี 2016 ที่ผ่านมานั้น เม็ดเงินที่นักท่องเที่ยวจีน 8.7 ล้านคนนำเข้ามาในประเทศไทยนั้นถือเป็น 3% ของ GDP หรือหากตีเป็นตัวเลขแล้วก็สูงถึง 357,630 ล้านบาท โดยคิดเป็นเงินที่มาใช้จ่ายไปกับการช้อปปิ้งนั้นอยู่ที่ 146,458 ล้านบาทเลยทีเดียว
ซินเจียหยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ ร่ำรวยเงินทองรับเทศกาลตรุษจีนในวันไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งเมื่อผ่านวันไหว้ ก็จะเข้าสู่วันเที่ยวกันแล้ว แน่นอนว่า ผู้ให้บริการเรียกรถแท็กซี่ออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่าง Uber ก็ไม่พลาดที่จะเปิดโผรายชื่อสถานที่ยอดนิยมรับเทศกาลตรุษจีนมาฝากด้วยเช่นกัน
BrandZ เป็นองค์กรสำรวจด้านแบรนด์ที่มักจัดอันดับแบรนด์ดังระดับโลกเป็นประจำ สำหรับแวดวงสินค้าแบรนด์จีนในช่วงปีที่ผ่านมา ตารางของ BrandZ ชี้ว่าแบรนด์ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคหรือ Consumer-electronics นอกนั้นเป็นแบรนด์ด้านบริการออนไลน์ โดย Lenovo คว้าแชมป์เป็นแบรนด์จีนที่คนทั่วโลกรู้จักมากที่สุด
หากถามว่าตอนนี้สิ่งใดกำลังเป็นที่นิยมในเมืองจีน หนึ่งในคำตอบก็คือตู้ขายสินค้าอัตโนมัติแบบที่เราเห็นวางเรียงรายกันเต็มประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง ส่วนเหตุผลที่ทำให้มันเป็นที่นิยมนั้นเป็นเพราะตู้ขายสินค้ารุ่นใหม่ๆ สามารถชำระเงินด้วยสมาร์ทโฟนได้นั่นเอง