หลังจากผ่านการลงทุนกับสตาร์ทอัปนับร้อยแห่ง วันนี้ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นที่ย้ายไปพำนักที่สิงคโปร์อย่าง Taizo Son กำลังหาทางปฏิวัติระบบการศึกษาโลก ด้วยการสร้างต้นแบบโรงเรียนนวัตกรรมในญี่ปุ่น จนเตรียมลงทุนในเอสโทเนียเพื่อขยายเครือข่ายโรงเรียนพันธุ์ใหม่สู่ยุโรป ล่าสุดคือไทยที่ Taizo Son จะตอกย้ำให้โลกรู้ว่าวิธีที่ดีที่สุดในการทำนายอนาคต คือการคิดค้นมันขึ้นมา!
Taizo Son มีดีกรีเป็นน้องชายของ Masayashi Son หัวเรือใหญ่ CEO ของ SoftBank ชื่อเสียงของ SoftBank นั้นขจรขจายในแง่ของการเป็นนักลงทุนตัวท็อปของวงการสตาร์ทอัป ล่าสุด Taizo Son ประกาศในงาน Startup Thailand เมื่อปลายกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า มีจะแผนสร้างโรงเรียนนวัตกรรมสำหรับเด็กชื่อ VIVITA ในประเทศไทยหลังจากที่สร้างโรงเรียนต้นแบบมาแล้วที่ญี่ปุ่นจนกลายเป็นคอมมูนิตี้เด็กนักประดิษฐ์ที่รู้ลึกถึงทักษณะที่จำเป็นในการใช้เครื่องมือใหม่ยุคดิจิทัล
จากนักพัฒนาเกมกลายเป็น VC
ย้อนไปเมื่อปี 2014 นิตยสาร Forbes จัดให้ Taizo Son เป็นบุคคลอันดับที่ 30 ในกลุ่มคนที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 275 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แม้มูลค่าทรัพย์สินนี้จะน้อยกว่า Masayoshi Son พี่ชายของ Taizo (มี 4 พี่น้องในครอบครัว) ที่มีมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 21,900 ล้านเหรียญ แต่ Taizo Son ก็ได้รับความสนใจมากเพราะมุมมองการลงทุนและพัฒนาธุรกิจที่ไม่ธรรมดา
ความร่ำรวยของ Taizo มาจากบริษัทเกมออนไลน์ GungHo ซึ่งเขาเริ่มต้นในปี 1998 ผลงานเด่นคือเกม Puzzle & Dragons ซึ่งเคยเป็นแอปพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือที่ขายดีที่สุดในโลก จนในปี 2009 เขาก่อตั้งบริษัท Movida ที่เน้นเร่งสปีดสตาร์ทอัปจนกระทั่ง 4 ปีต่อมา ก็ได้เปิดตัว Mistletoe บริษัทร่วมทุนหรือ VC ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องเทคโนโลยีการศึกษา โดยหนึ่งในการลงทุนช่วงแรกคือ Life is Tech! แอปพลิเคชันสอนศิลปะการสร้างหรือ art of making และพลังในการสร้าง (power to create) สำหรับนักเรียนมัธยม
ตั้งแต่นั้นมา Taizo ก็ทุ่มเงินกว่า 150 ล้านเหรียญให้กับสตาร์ทอัปกว่า 80 ราย พร้อมกับหนุนผู้ประกอบการในกว่า 10 ประเทศ บริษัทที่ Taizo ลงทุนประกอบด้วยบริษัทผู้พัฒนาอุปกรณ์ตรวจสอบสุขภาพที่สวมใส่ได้, ผู้สร้างโดรนสำหรับเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขั้นสูงอื่น ๆ
จนถึงตอนนี้ Mistletoe เดิมพันใหญ่กับ SEA ผู้ให้บริการความบันเทิงออนไลน์และโมบายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ออก IPO ในปี 2017
เขย่าระบบการศึกษา
แม้จะเกิดและเติบโตในญี่ปุ่น แต่ Taizo ถือหนังสือเดินทางเกาหลีและเร็ว ๆ นี้ยังย้ายโอนถิ่นฐานไปที่สิงคโปร์พร้อมครอบครัว เรื่องนี้ Taizo เล่าว่าตัวเขามีลูกชายอายุ 4 ขวบ ซึ่งในฐานะพ่อแม่ เขากำลังคิดถึงการศึกษาในอนาคต ประเด็นนี้ Taizo บอกตามตรงว่าเขาไม่ต้องการส่งลูกไปเรียนที่สถาบันการศึกษาแบบดั้งเดิม เพราะโลกมีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมไม่ได้รับการปรับปรุง
ในภาพรวม Taizo ชื่นชมระบบการศึกษาของสิงคโปร์เมื่อเทียบกับระบบของญี่ปุ่น เนื่องจากมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น และมีโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งรวมถึงโรงเรียนของรัฐและเอกชน พร้อมกับชี้ให้เห็นว่าระบบการศึกษาที่ออกแบบมาเพื่อสอนเด็กอย่างมีประสิทธิภาพจะไม่เน้นการท่องจำเป็นศูนย์กลาง แต่จะต้องขึ้นอยู่กับความสามารถแบ่งปันความรู้ในเวลาที่เหมาะสม เหมาะสำหรับเด็กที่ชอบการศึกษาแบบนี้ และไม่ทำให้เด็กเบื่อเศร้าและไม่ต้องการไปโรงเรียนอีกแล้ว ซึ่งวิธีการจากบนลงล่างในระบบการศึกษาแบบดั้งเดิม ทำให้มีเด็กจำนวนมากที่ไม่สามารถติดตามและตัดใจออกจากระบบนี้ไป
ในขณะเดียวกัน การที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามาในสังคมโลก Taizo เชื่อว่าบทบาทของครูควรเปลี่ยนไปเป็นที่ปรึกษาหรือผู้อำนวยความสะดวก แทนที่จะสอนความรู้เดิมที่มีอยู่ จุดนี้ Taizo มองว่าครูควรจะสนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ร่วมกับเด็ก ซึ่งจะตอบโจทย์โลกในอนาคตที่จะมีความหลากหลายมากขึ้น และผู้คนจะมีชีวิตยืนยาวขึ้น ส่งให้มนุษย์เราต้องยอมรับสิ่งใหม่และสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ได้ตลอดเวลา
‘เราไม่สามารถสอนเรื่องความคิดสร้างสรรค์ได้ โดยใช้วิธีการจากบนลงล่าง เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และทักษะการทำงานร่วมกัน ซึ่งจะเป็นทักษะที่สำคัญในศตวรรษที่ 21 เราควรหาวิธีการจากล่างขึ้นบน คือสร้างความอยากรู้อยากเห็นในเด็กเหล่านี้’
น่าเสียดายที่ Taizo ไม่ได้เปิดเผยกำหนดการสร้างโรงเรียน VIVITA ในไทย แต่คาดว่าพ่อแม่ไทยจำนวนไม่น้อยจะตื่นเต้นเมื่อ VIVITA แจ้งเกิดแน่นอน
ที่มา: : VCCircle