หลังจาก Facebook ตกที่นั่งลำบากเรื่องวิกฤติข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้กว่า 50 ล้านรายรั่วไหลในสหรัฐอเมริกา ล่าสุด Facebook กำลังพยายามแก้ปัญหาและปิดช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้โฆษณาที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายหรือ targeted ads บน Facebook กลายเป็น targeted ads ที่เข้มข้นน้อยลงกว่าเดิม
เหตุผลคือเพราะ Facebook พยายามที่จะยกระดับให้สาธารณชนรับรู้ว่าบริษัทมีการจัดการข้อมูลผู้ใช้ที่ดีขึ้น Facebook จึงออกประกาศลงวันที่ 28 มีนาคม 2018 ว่าจะยุติโครงการที่จะช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ด้วยข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัทบุคคลที่สาม third-party ซึ่งมีชื่อเรียกบริการอย่างเป็นทางการว่า Partner Categories
Partner Categories เป็นบริการที่เปิดตัวในปี 2013 ภายใต้โครงการนี้ ผู้ลงโฆษณาที่ต้องการเข้าถึงผู้ชมบน Facebook สามารถดึงข้อมูลจากบริษัทข้อมูลบุคคลที่สาม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการกำหนดเป้าหมาย targeted ads ที่ดีกว่า โดยข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเสริมข้อมูลที่ได้จาก Facebook รวมทั้งข้อมูลของผู้ลงโฆษณาเอง
เมื่อ Facebook ประกาศโครงการ Partner Categories ครั้งแรก คู่ค้าของ Facebook ประกอบด้วยบริษัทอย่าง Datalogix, Epsilon และ Acxiom ซึ่งรวบรวมข้อมูลการซื้อสินค้าแบบออฟไลน์ (นำข้อมูลมาจากหลายแหล่ง เช่น โปรแกรมบัตรสะสมคะแนนของซูเปอร์มาร์เก็ต) และขายสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลนี้แก่แบรนด์อื่น ๆ
เบื้องต้น Facebook อธิบายถึงการปิดโครงการ Partner Categories ในบล็อกว่าที่ผ่านมา Partner Categories ช่วยให้ผู้ให้บริการข้อมูลบุคคลที่สาม สามารถเสนอการกำหนดเป้าหมายโดยตรงบน Facebook แต่ขั้นตอนนี้เหล่านี้จะค่อยๆลดลงในอีกหกเดือนข้างหน้า เพื่อยกระดับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ Facebook
สรุปแล้ว การปิดตัวลงของ Partner Categories จะทำให้การกำหนดกลุ่มเป้าหมายโฆษณาบน Facebook นั้นทำได้จากการใช้ข้อมูลเฉพาะบน Facebook หรือข้อมูลของแบรนด์เท่านั้น ไม่สามารถใช้ร่วมกับข้อมูลจากบริษัทขายข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคออฟไลน์ได้ ไม่แน่ การประกาศปิด Partner Categories อาจซื้อใจผู้สังเกตการณ์ได้เพราะ Facebook ยอมแลกรายได้กับการอุดช่องโหว่ แต่ targeted ads ที่เข้มข้นน้อยลง ย่อมจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักการตลาดแน่นอน
ที่มา: : Quartz