“Techsauce” ประกาศจัดงาน Techsauce Global Summit ต่อเนื่องปีที่ 3 หวังเชื่อมโยง Tech Ecosystem ภูมิภาค พร้อมดึง Techstars แอคเซอเลอเรเตอร์ระดับโลก ผู้นำธุรกิจและเทคโนโลยีจากหลากอุตสาหกรรมร่วมแชร์ความรู้เทคโนโลยีใหม่และสะท้อนภาพ Tech Ecosystem ไทย หนุนธุรกิจไทยลุย AgTech – FoodTech – HealthTech – LivingTech – EnergyTech ต่อยอดอุตสาหกรรมสำคัญ-เพิ่มคุณภาพชีวิต-ตอบโจทย์ Social Impact คาดสตาร์ทอัพรายย่อยต่างชาติจ่อบุกไทยพร้อมเทคโนโลยีใหม่ต่อเนื่องถึงปี 63
น.ส.อรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด ผู้จัดงาน Techsauce Global Summit งานสัมมนาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีระดับนานาชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า เป้าหมายสำคัญของงาน Techsauce Global Summit 2018 คือการส่งเสริมและยกระดับระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีหรือ Tech Ecosystem ทั้งของไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการเติมเต็มองค์ความรู้ สร้างเครือข่ายทางธุรกิจ เชื่อมโยงผู้ประกอบการ นักลงทุน และทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน
สำหรับวิทยากรที่จะมาร่วมแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ ในเวทีต่างๆ ประกอบด้วยซีอีโอ นักลงทุน และวิทยากรด้านเทคโนโลยีจากทั่วโลกรวมกว่า 200 คน อาทิ David Brown ผู้ร่วมก่อตั้ง Techstars แอคเซอเลอเรเตอร์อันดับต้นๆ ของโลก Joseph Lubin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum แพลตฟอร์มบนระบบ Blockchain ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง Mike Peng กรรมการผู้จัดการ IDEO Tokyo วิทยากรที่ได้รับความนิยมสูงมากจากงานในปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันการจัดงานครั้งนี้ ยังได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากผู้ประกอบการชั้นนำในหลายอุตสาหกรรมที่กำลังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและการลงทุนในสตาร์ทอัพ อาทิ บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด บริษัท ทรู ดิจิทัล พาร์ค จำกัด บริษัท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ดีแทค แอ็คเซเลเรท จำกัด บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัท แอด เวนเจอร์ส แคปปิตอล จํากัด สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (TCEB) และอีกหลายองค์กรชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ
น.ส.อรนุช กล่าวอีกว่า สำหรับปี 2561 นั้น ต้องการเห็นทุกภาคส่วนของไทยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่จะช่วยต่อยอดอุตสาหกรรมรากฐานของประเทศอย่าง AgTech และ FoodTech เนื่องจากไทยถือเป็นประเทศที่มีต้นทุนด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอาหารโดดเด่นอยู่ในระดับโลก หากให้ความสำคัญกับ AgTech และ FoodTech จะช่วยให้ไทยสามารถต่อยอดภาคส่วนที่เป็นรากฐานสำคัญของประเทศ ต่อยอดต้นทุนที่ตัวเองมี สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้ใหม่ๆ ช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือบุคลากรที่อยู่ในภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมอาหารได้
ขณะเดียวกัน ยังมีเทคโนโลยีอีกกลุ่มหนึ่งที่ควรหันมาให้ความสำคัญ ได้แก่ HealthTech, LivingTech และ EnergyTech เนื่องจากเทคโนโลยีในกลุ่มนี้จะเข้ามามีส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ และช่วยส่งผลกระทบต่อสังคม หรือ Social Impact ในด้านดีตามมา
“หลายประเทศให้ความสำคัญกับทั้งเรื่อง AgTech, FoodTech หรือแม้กระทั่ง HealthTech มาระยะหนึ่งแล้ว และมุ่งมั่นพัฒนาด้านเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นมีงานแฟร์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านเหล่านี้โดยเฉพาะ เพื่อช่วยเหลือสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ของคนในประเทศ หากทุกภาคส่วนหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเหล่านี้ จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับประเทศไปสู่ทางที่ดีขึ้นได้” น.ส.อรนุช กล่าว
การจัดงาน Techsauce Global Summit 2018 ในปีนี้ จึงจะแบ่งเวทีออกเป็นทั้งหมด 10 เวที กลุ่มแรกจะเป็นเวทีเทคโนโลยีสำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่สร้างผลกระทบที่ดีต่อสังคมและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตโดยตรง ได้แก่ 1.เวที AgTech & FoodTech 2.เวที HealthTech 3.เวที LivingTech และ 4.เวที FinTech เพื่อให้ความรู้แก่ทั้งภาคธุรกิจ สตาร์ทอัพ และผู้ที่สนใจ เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะช่วยสร้างผลกระทบที่ดีต่อสังคมเหล่านี้
ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่ง จะเป็นเวทีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องภาพรวมและเทคโนโลยีใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม ได้แก่ 1.เวที Startup 2.เวที Venture Capital (VC) 3.เวที Deep Tech Showcase & Head to the Future 4.เวที Blockchain & Cryptocurrency 5.เวที AR & VR และ 6.เวที Data Science & AI เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีโอกาสเรียนรู้แนวโน้มที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ สังคม และชีวิตของตัวเอง รวมหัวข้อเสวนาทั้ง 10 เวทีกว่า 200 หัวข้อ
น.ส.อรนุช กล่าวอีกว่า การจัดงานในปีนี้ยังมีไฮไลต์อื่นที่สำคัญอีกหลายเรื่อง อาทิ การเปิดพื้นที่ Business Matching สำหรับผู้ประกอบการ การแข่งขัน Startup Pitching รอบชิงชนะเลิศจากผู้เข้าแข่งขันกว่า 20 ประเทศทั่วเอเชีย-โอเชียเนีย และด้วยความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกภาคธุรกิจ ประกอบกับผู้ประกอบอาชีพต่างๆ เช่น แพทย์ เชฟ หันมาทำสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับอาชีพของตัวเองมากขึ้น ต้นทุนการทำเรื่องดิจิทัลต่ำลง จึงเชื่อว่าในปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมงานราว 10,000 คน หรือเพิ่มจากปีที่แล้วมากกว่า 40%
สำหรับ Tech Ecosystem ของไทยนั้น ถือว่าอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่านและเติบโต ฝั่งผู้ลงทุนเริ่มตระหนักว่าตัวเองต้องการอะไรจากเทคโนโลยีหรือสตาร์ทอัพ หลังจากปีที่ผ่านมาเกิดคลื่น Corporate Venture Capital หรือ CVC จัดตั้งใหม่หลายราย คาดว่าหลังจากนี้ผู้ลงทุนจะเริ่มเลือกลงทุนในเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมในรูปแบบที่เหมาะกับตัวเองมากขึ้น ขณะที่ฝั่งผู้ประกอบการสตาร์ทอัพนั้น เชื่อว่าจนถึงปี 2563 จะมีผู้ประกอบการสตาร์ทอัพรายย่อยจากต่างประเทศเข้ามาเจาะตลาดในไทย และเพื่อนบ้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น พร้อมกับนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาด้วย เช่น กรีนเทคโนโลยี ที่สำคัญ จะมีสตาร์ทอัพจากจีนเข้ามามากขึ้น ทำให้ภาพรวมของสตาร์ทอัพมีการแข่งขันกันด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่รุนแรงยิ่งขึ้นตามไปด้วย
สำหรับงานดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 23 มิถุนายน 2018 ผู้สนใจเข้าร่วมงานสามารถดูรายละเอียดและจองตั๋วเข้าร่วมงานได้ที่ https://summit.techsauce.co