เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาหลัง WhatsApp แอปพลิเคชันประเภทแชทที่ถูกซื้อโดย Facebook ไปเมื่อกลางสัปดาห์ก่อนไม่สามารถใช้งานได้ แม้จะเป็นข่าวร้ายสำหรับ WhatsApp ที่ทำให้ผู้ใช้บางส่วนมองหาแอปพลิเคชันใหม่มาทดแทน แต่ก็เป็นข่าวดีสำหรับ Telegram ที่เผยว่ามีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นเป็นหลักล้านภายในวันเดียวเท่านั้น!
เช่นเดียวกันกับ WhatsApp แอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Telegram นี้เป็นแอปพลิเคชันประเภท Messaging Application แต่มีความโดดเด่นที่ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยของข้อมูลที่สำคัญทาง Mashable ยังรายงานว่า Telegram นั้นมีบริการที่รวดเร็วกว่า และเนื่องจาก WhatsApp ใช้งานไม่ได้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยอดผู้ใช้งาน Telegram จึงเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ
จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ Telegram ติดอันดับแอปพลิเคชันยอดนิยมอันดับที่ 1 บน App Store เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยก่อนนี้ ตั้งแต่ Facebook ประกาศซื้อ WhatsApp ทาง Telegram ได้รายงานว่าพวกเขามียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านคน แต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เนื่องด้วยเซิร์ฟเวอร์ของ WhatsApp มีปัญหาและทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถใช้งานได้ถึง 3 ชม. ทำให้ Telegram มียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 4.95 ล้านคนภายในหนึ่งวันเท่านั้น!
โดยบริมาณการสมัครเข้าใช้งานของแอปพลิเคชันดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาสามารถประเมินได้ว่ามีผู้สมัครใช้บริการมากถึง 100 คน ต่อ 1 วินาทีเลยทีเดียว และเพราะจำนวนผู้สมัครใช้บริการที่เพิ่มจำนวนมากจนน่าตกใจทำให้ระบบการใช้งานของแอปพลิเคชันดังกล่าวเกิดปัญหาการสื่อสารในยุโรปถึง 2 ชั่วโมงเช่นกัน ทำให้ Telegram ต้องประกาศแจ้งการเพิ่มเซิร์ฟเวอร์เพื่อรองรับการใช้งานผ่าน Twitter ของพวกเขา
ผู้อยู่เบื้องหลัง Telegram คือ Nikolai และ Pavel Durov สองพี่น้องผู้อยู่เบื้องหลังโซเชียลเน็ตเวิร์กชื่อดังในประเทศรัสเซียอย่าง VK ซึ่งบนเว็บไซต์ของ Telegram นั้น พวกเขาได้บรรยายจุดเด่นของแอปพลิเคชันดังกล่าวว่า เป็นแอปพลิเคันประเภทแชทที่เน้นเรื่องความปลอดภัย ความรวดเร็ว และไม่มีค่าใช้จ่าย โดย Telegram นั้นมีจุดต่างจาก WhatsApp ตรงที่แอปพลิเคชันดังกล่าวนั้นเป็นแอปพลืเคชันที่ทำการเข้ารหัสบน Cloud ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าวจากอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย รวมทั้งการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถแชร์ไฟล์ต่างๆ ได้อย่างไม่จำกัดทั้ง ภาพ วิดีโอ และไฟล์เอกสารต่างๆ
แม้แอปพลิเคชัน Telegram จะเริ่มได้รับความนิยม แต่ผู้ก่อตั้งทั้งสองยังไม่มีแผนการสร้างรายได้จากแอปพลิเคชันดังกล่าว และยังไม่มีแผนการขายแอปพลิเคชันดังกล่าวให้ใคร นอกจากการลงทุนเพื่อการพัฒนา หรือการเก็บค่าใช้บริการจากผู้ใช้งาน อนึ่งแอปพลิเคชันดังกล่าวสามารถใช้งานได้ทั้งบน iOS และ Android ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าวได้ที่ App Store หรือ Google Play
ที่มา : Mashable
ภาพ : iTunes, Google Play