ด้วยกลยุทธ์การตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์เริ่มเข้ามามีบทบาทสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ และเพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น ทำให้ Tellscore สตาร์ทอัพด้าน อินฟลูเอนเซอร์มาร์เก็ตติ้งจับมือกับ MyCloud Fulfillment ในการขายและจัดส่งสินค้าร่วมกันกับแบรนด์ระดับ SME ที่ต้องการไลฟ์ขายของแบบไม่ให้คนซื้อเปลี่ยนใจกลางคัน
คุณสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง และคุณอภัศรา ซิการี่ โกศัลวัฒน์กรรมการผู้จัดการ เทลสกอลล์ เล่าว่า ด้วยจำนวนอินฟลูเอนเซอร์ที่เทลสกอลล์มีในมือกว่า 45,000 รายแบ่งเป็นสัดส่วนผู้ใช้งานเฟสบุ๊กกว่า 50% ที่เหลือเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อินสตาแกรม ยูทูปและติํกต๊อก เป็นต้น
ด้วยพฤติกรรมของนักช้อปยุคใหม่ที่เชื่อการแนะนำสินค้าแบบบอกต่อหรือเพื่อนแนะนำ ทำให้แบรนด์สนใจท่ีจะเข้ามาใช้กลยุทธ์นี้ในการสร้างฐานลูกค้ามากขึ้น ข้อมูลจาก Daat ระบุว่าอินฟลูเอนเซอร์มาร์เก็ตติ้ง ถือว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีการเติบโตที่ดี สร้างเม็ดเงินในช่องทางนี้กว่า 2,000 ล้านบาทในไทย ส่วนทั่วโลกมีกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
จึงเรียกได้ว่าในไทยยังมีโอกาสอีกมาก แม้ว่าในปี 2019 จะมีการเติบโตเพียง 12% แบบปีต่อปี แต่ในปี 2020 นี้ถือว่าโควิด-19 เป็นตัวช่วยสำคัญให้แบรนด์หันมาใส่ใจช่องทางนี้มากขึ้น
นอกจากนี้ การที่เทลสกอลล์ เข้ามาเล่นในตลาดอีคอมเมิร์ซนั้น ถือว่าเป็นการเติมเต็มในแบรนด์สามารถสร้างประโยชน์และโอกาสจากกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ได้มากขึ้น ไม่ใช่แค่ให้มารีวิวสินค้าแล้วจบไป
ด้วย Journey ของลูกค้าบนโลกออนไลน์ เมื่อเขาเห็นและเกิดความต้องการสินค้าแล้ว หากอินฟลูเอนเซอร์สามารถช่วยปิดการขายได้เลย จึงเป็นโอกาสที่ดีของทุกฝ่ายเช่นกัน
ด้วยฟีเจอร์ Tellscore Shop จะเน้นการตลาดแบบ Influencer Referral Marketing ที่สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจให้กับแบรนด์ที่ต้องการสร้างยอดขายและเพิ่มช่องทางในการขายสินค้าได้ โดยตั้งเป้าเป็นอีกหนึ่งช่องทางการตลาดรูปแบบใหม่ให้กับแบรนด์และนักการตลาด
ตอบโจทย์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซยุคใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งนอกจากแบรนด์จะได้รับคอนเทนต์รีวิวแล้ว ยังสามารถสร้างยอดขายผ่านการขายจากอินฟลูเอนเซอร์ได้อีกด้วย
ด้วยหลักการทำงานของ อินฟลูเอนเซอร์อีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม ภายใต้ชื่อ Tellscore Shop เริ่มจากการให้อินฟลูเอนเซอร์ ทำการรีวิวสินค้า และมีลิงก์ให้สำหรับผู้สนใจ สั่งซื้อสินค้าผ่านหน้า Tellscore Shop ได้เลยทันที
ซึ่งขั้นตอนในการสั่งซื้อสินค้าและชำระเงินนั้น ทำได้ง่ายๆ และจบขั้นตอนได้ภายใน 1 นาที โดยผู้ซื้อสามารถติดตามสถานะของการจัดส่งสินค้า เพราะระบบจะมีการ Tracking ยอดขายของอินฟลูเอนเซอร์แต่ละคน และสามารถจัดการรายได้หลังการขายได้ทันที
เดิมนักการตลาดจะได้เห็น ผลลัพธ์ของการทำรีวิวเฉพาะในส่วนของ Awareness Engagements และ Conversion ในรูปแบบ Online Traffic แต่การใช้ Tellscore Shop ในการรีวิวสินค้านั้น สามารถเห็นผลลัพธ์เป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้ทันที
รูปแบบของ Tellscore Shop รองรับความต้องการของนักการตลาดที่ต้องการบริการอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรผ่านอินฟลูเอนเซอร์เริ่มตั้งแต่การสร้างคอนเทนต์รีวิวสินค้า ไปจนถึงการสร้าง Traffic และไปจบที่การปิดการขายแบบสินค้าถึงมือผู้ซื้อบริการนี้ยังรองรับสินค้าประเภท Digital Product
เช่น Voucher หรือกํารซื้อโค้ดส่วนลดต่างๆ ที่ไม่ต้องอาศัยการจัดส่งสินค้าด้วย โดยในช่วงแรก Tellscore Shop จะเน้นกลุ่มลูกค้าเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าแบรนด์แฟชั่นไทยคุณภาพที่มักพบเห็นได้ใน Instagram เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อยู่ในกระแสนิยมของผู้บริโภคและมีอัตราการ
เติบโตแบบก้าวกระโดด
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Tellscore Shop นี้ จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พ.ย.2563 โดยมีสินค้ากลุ่มบิวตี้ FMCG (ผ้าอ้อมเด็ก) เครื่องใช้ไฟฟ้าและแก็ดเจต ที่สนใจอยากใช้บริการนี้
ราคาค่าบริการจะมี 2 แพคเกจ
- ราคา 30,000 บาท จะได้อินฟลูเอนเซอร์ 33 คนต่อเดือน
- ราคา 5000 บาท จะได้อินฟลูเอนเซอร์ 5 คนต่อเดือน
ซึ่งทั้งสองแบบจะมีการคัดเลือกคนที่เหมาะสมกับสินค้าและต้องมีทักษะในการขายที่ดีด้วย ไม่ได้ดูแค่ยอดผู้ติดตาม เพราะบางคนยอดผู้ติดตามสูงแต่ไม่ได้เก่งในการขาย ส่วนการการันตีนั้น อาจจะต้องเป็นการทำแคมเปญต่อเนื่อง 2-3 เดือนก่อน เพราะถ้าคาหวังจะให้เห็นผลในเดือนแรกคงจะยาก
สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับหลังจากเลือกแพคเกจแล้ว คือ
- การสร้างคอนเทนต์รีวิว เพื่อให้คนเห็นแบรนด์หรือสินค้าของคุณ
- จากนั้น tellscore shop จะเป็นการสร้างโอกาสปิดการขายให้ไวขึ้น
อย่างไรก็ตาม การจะปิดการขายได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้น จำเป็นต้องมีบริการด้านฟูลฟิลเม้นท์มาเติมเต็มในส่วนของการจัดการออเดอร์ จัดเก็บสินค้า จัดส่งและชำระเงิน ซึ่งการร่วมมือกับ MyCloudFulfillment ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่จะมาเสริมความแข็งแรงของธุรกิจนี้
ทางด้านของคุณนิธิ สัจจทิพวรรณ CEO MyCloudFulfillment สตาร์ทอัพคลังสินค้าออนไลน์ เล่าเสริมว่า มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซของปี 2020 ที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดถึง 2.2 แสนล้านบาทนั้น แค่วันที่ 11.11 ที่เป็นแคมเปญหัวใจสำคัญของการขายสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซก็เรียกได้ว่าน่าตื่นเต้นแล้ว เพราะในช่วงแคมเปญ 9.9 ที่ผ่านมา แต่ละแพลตฟอร์มทำเม็ดเงินสะพัดมาก
เช่นลาซาด้าทำยอดขายเพิ่ม 10 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติหรือช้อปปี้เองที่ขายสินค้าได้ 12 ล้านชิ้นภายในชั่วโมงแรกของแคมเปญ 9.9 นั่นยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดอีคอมเมิร์ซนั้นมีความร้อนแรงอย่างมาก
ในมุมของ MyCloudFulfillment เอง ช่วง 9.9 คือดีมาก ช่วงโควิดการซื้อขายออนไลน์โตเยอะ ด้วยพฤติกรรมของคนย้ายไปมากและยิ่งช่วงนี้ คนรอจะใช้จ่ายกันเยอะ เพราะหลายค่ายเตรียมอัดโปรโมชั่นแข่งกันสุดๆ
คาดว่าน่าจะช่วยให้ภาพรวมอีคอมเมิร์ซโตได้อย่างน้อย 20% เฉพาะในช่วง 11.11 นี้ ทางบริษัทเองก็คาดการณ์ว่าจะมีอย่างน้อย 7 หมื่นออเดอร์เข้ามาพร้อมกันในวันเดียว จากปีที่แล้วทำได้ 2.5 หมื่นออเดอร์
กระแสอีคอมเมิร์ซที่มาแรงมากในไทยนั้น ย่อมสร้างโอกาสอีกมากมายให้แก่คนที่มองเห็น ดังนั้นการเลือกช่องทางการขายที่สอดคล้องกับสินค้าและพฤติกรรมของฐานลูกค้าหลัก ย่อมเป็นสิ่งที่ดีในช่วงที่โควิดยังมีความเสี่ยงมาก