ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (19 พฤษภาคม 2563) ได้มีมติเห็นชอบให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตาม พ.ร.บ.ล้มละลายโดยการยื่นขอฟื้นฟูกิจการจะดำเนินการทั้งศาลล้มละลายกลางตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
พร้อมมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังลดสัดส่วนการถือหุ้นให้ต่ำกว่า 50% และมีสภาพพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ
โดยมีรายละเอียดแผนการฟื้นฟูกิจการดังนี้
1. การบินไทยพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ
กระทรวงการคลังจะต้องขายหุ้นการบินไทย 3% ให้กองทุนวายุภักดิ์ เพื่อเป็นการลดสัดส่วนการถือหุ้นให้เหลือเพียง 47% จากเดิมกระทรวงการคลังถือหุ้นการบินไทยรวม 1,113.93 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 51.03%
2. ปรับโครงสร้างการบริหาร
โดยให้กรรมการลาออกจนเหลือ 3 คน ซึ่งยังไม่ได้กำหนดว่าเหลือใครและจะเติมกรรมการใหม่เข้าไป ขั้นแรก 3 คน ที่วางตัวไว้ ได้แก่ นายเทวินทร์ วงศ์วานิช อดีตซีอีโอ ปตท. นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ และอดีต ดีดีการบินไทย
3. ร้องขอต่อศาลล้มละลายเพื่อขอฟื้นฟูกิจการ
เมื่อศาลรับฟื้นฟูกิจการ หนี้ของการบินไทยจะผิดนัดชำระหนี้ (default) โดยอัตโนมัติ ในประเด็นนี้ทีมบริหารคิดว่าจะดูแลในส่วนหนี้สหกรณ์ 3.6 หมื่นล้านบาท ยืดหนี้ออกไป โดยมีเงื่อนไขจะจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม
4. ล้มเลิกแนวคิดเรื่อง การบินไทย เป็น Holding Company
ธุรกิจในเครือทั้งหมดจะถูกยกเลิกการตัดขายออกไป อาทิ ครัวการบินไทย ,ไทยสมายล์ ฯลฯ
5.เดินคู่ขนานกับศาลไทยและศาลสหรัฐ ดูแลเจ้าหนี้ต่างประเทศ
ยื่นฟื้นฟู โดยอาศัย Chapter 11 ตามกฎหมายล้มละลายของสหรัฐ เพราะการบินไทยต้องดำเนินกิจการต่อไป หากบินไปในต่างประเทศอาจจะโดนยึดเครื่องบิน รวมทั้งการดูแลเจ้าหนี้ลิสซิ่งเครื่องบินด้วย ซึ่งมีสหรัฐ อังกฤษ และเยอรมัน เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่
ทั้งนี้ การบินไทยมีหนี้สิน (ไม่รวมค่าเช่าเครื่องบิน) อยู่ที่ 220,000 ล้านบาท และมีการประเมินว่าทั้งปี 2563 จะขาดทุนสุทธิ 59,000 ล้านบาท
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ