ในยุคที่หลายธุรกิจบอกว่าเป็นยุคข้าวยากหมากแพง สินค้าขายไม่ออก ผู้บริโภคจำกัดการซื้อ ฯลฯ กลับมีตัวเลขว่า ในอีกฟากหนึ่ง ธุรกิจสินเชื่อโดยเฉพาะสินเชื่อในอุตสาหกรรมยานยนต์กลับเป็นธุรกิจที่แทบไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แถมยังโตขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาด้วย
โดยข้อมูลจากกรุงศรีออโต้ถึงภาพรวมเศรษฐกิจปี 2560 พบว่า มีการคาดการณ์ตัวเลข GDP ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.4% จากในปี 2559 อยู่ที่ 3.2% ส่วนของ NPL นั้นก็เพิ่มขึ้นด้วย จาก 2.83% (ปี 2559) เป็น 2.98% ในปีนี้ ขณะที่หนี้ภาคครัวเรือนต่อ GDP ลดลงจาก 79.90% เป็น 78.70%
เมื่อหันมามองในอุตสาหกรรมรถยนต์พบว่าโตในทุกเซกเมนต์ตั้งแต่รถยนต์ใหม่ รถจักรยานยนต์ และรถมือสอง โดยในส่วนของยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าตัวเลขจะพุ่งขึ้นเป็น 830,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 8% จากปี 2559 ที่อยู่ที่ 770,000 คัน ส่วนยอดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์และบิ๊กไบค์นั้นคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,800,000 คัน หรือ 4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเช่นกัน และรถยนต์มือสองก็คาดการณ์ว่าจะเติบโตสู่ 1,424,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 6%
ในจุดนี้ คุณไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยผ่านการแถลงข่าวผลการดำเนินงานครึ่งปีของกรุงศรีออโต้ว่า การเติบโตดังกล่าวมาจากปัจจัยหลัก ๆ สามประการ ประการแรกคือ การใช้รถยนต์ของคนไทยกลับเข้าสู่ภาวะสมดุล จากที่เคยเสียสมดุลไปกับนโยบายรถคันแรกที่ทำให้คนไทยดึงดีมานด์ในอนาคตมาใช้มากเกินไป ซึ่งส่งผลให้ยอดขายในปีต่อ ๆ มาฟุบตัวไปนานหลายปี
ส่วนปัจจัยที่สองคือรถยนต์เป็นตัวเลือกในการเดินทางลำดับต้น ๆ ของคนไทย เนื่องจากสะดวกและเข้าถึงได้ง่ายกว่าระบบคมนาคมขนส่งอื่น ๆ และปัจจัยที่สามคือการที่ผู้ผลิตรถยนต์มีการเปิดตัวโมเดลใหม่กับแทบทุกแบรนด์ และชนกับดีมานด์ที่กำลังกลับมา จึงทำให้ตัวเลขคาดการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้กลับมาเป็นบวกอีกครั้ง
จากปัจจัยบวกดังกล่าวส่งผลให้ตลาดสินเชื่อยานยนต์ได้รับอานิสงค์ไปเต็ม ๆ โดยตลาดครึ่งปีแรกโตขึ้น 10% สู่ 276,000 ล้านบาท ส่วนของกรุงศรีออโต้นั้น ครึ่งปีแรกโตขึ้นถึง 15% จาก 67,400 ล้านบาทเป็น 77,900 ล้านบาท และตั้งเป้าว่าปลายปีจะสามารถทำยอดได้ที่ 150,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 11% ด้วย
เจาะกลยุทธ์กรุงศรีออโต้ สินเชื่อ “ต้นน้ำถึงปลายน้ำ”
ในจุดนี้ คุณไพโรจน์เผยถึงกลยุทธ์ของกรุงศรีออโต้ที่เรียบง่ายแต่ใช้ได้จริง นั่นคือ การรู้ให้ได้ว่าลูกค้าต้องการอะไร และสร้างโปรดักซ์ที่ลูกค้าต้องการขึ้นมา
“กรุงศรีออโต้เราอยู่ในกลุ่มของธนาคารกรุงศรีฯ เราก็ใช้ความแข็งแกร่งนี้ให้เป็นประโยชน์ นั่นคือเราสามารถดึงเอาความช่วยเหลือจากกลุ่ม Japanese Corporate มาช่วยทำให้การเซอร์วิสลูกค้าของเราครบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ”
“ต้นน้ำคือผู้ผลิตที่ต้องการสินเชื่อเพื่อไปผลิตรถยนต์ ดีลเลอร์ก็ต้องการสินเชื่อไปรีโนเวทโชว์รูม แล้วสุดท้ายเขาก็ต้องการขายของให้กับลูกค้า เราก็มีสินเชื่อยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่ง รถมอเตอร์ไซค์ คาร์ฟอร์แคช”
ส่วนบริการสินเชื่อสำหรับรถมอเตอร์ไซค์นั้น ทางกรุงศรีออโต้ได้มีการปรับโครงสร้างใหม่ และมีการเพิ่มทีมงาน เพื่อรุกตลาดทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด นอกจากนั้นยังจะเพิ่มดีลเลอร์ใหม่ ๆ เข้ามา และจะไม่เน้นเฉพาะแบรนด์ญี่ปุ่นอีกต่อไป แต่จะมองแบรนด์จากยุโรปมากขึ้นด้วย
ส่วนมอเตอร์ไซค์นั้นพบว่า ราคาพืชผลที่เพิ่มสูงในขณะนี้มีส่วนมากต่อยอดขาย ดังนั้นในปีนี้จึงคาดว่าจะปิดที่ 1,800,000 คัน เพิ่มขึ้น 15%
ด้านธุรกิจคาร์ฟอร์แคช ปัจจุบันกลายเป็นแบรนด์ที่มีการทำการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไปแล้ว โดยออนไลน์ยังคงเน้นหนัก Social Media – YouTube เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่
“ความสำเร็จของคาร์ฟอร์แคชคือการสื่อสารให้เห็นถึงวัตถุประสงค์ของแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ ต้องการให้ลูกค้านำเงินไปต่อยอดธุรกิจ ประกอบกับเรามีลูกค้าอยู่ในพอร์ตเป็นล้านราย จึงสามารถทำแคมเปญเพื่อรักษาลูกค้าเก่า เช่น ให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ กลยุทธ์เหล่านี้ทำให้คาร์ฟอร์แคชโตถึง 29% ในครึ่งแรก”
คาดการณ์ครึ่งปีหลัง – แผนกลยุทธ์
จากตัวเลขของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโตขึ้นมากนี้ ทำให้ในครึ่งปีหลัง คาดว่าตลาดสินเชื่อยานยนต์ปี 2560 จะเพิ่มขึ้น 7% เป็น 547,000 ล้านบาท และกรุงศรีออโต้มีการปรับตัวเลขยอดสินเชื่อใหม่ของบริษัทเป็น 150,000 ล้านบาทด้วย (เติบโตขึ้น 11% จากปี 2559) ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างรวมคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นเป็น 310,000 ล้านบาท หรือโตขึ้น 11% จากปี 2559
ออฟไลน์ไม่ทิ้ง-วิ่งสู่ดิจิทัล
นอกจากแผนการตลาดที่ดุเดือดแล้ว ในฝั่งของเทคโนโลยี กรุงศรีออโต้ก็ได้สร้าง Smart Platform ขึ้นสำหรับรองรับการทำงานต่าง ๆ เช่น ช่วยในการอนุมัติสินเชื่อที่รวดเร็วขึ้น และมี Krungsri Auto Chat สำหรับให้พนักงานได้ใช้เพื่อการคุยงานที่สะดวกมากขึ้น ซึ่งในอนาคต คุณไพโรจน์ระบุว่าอาจพัฒนาไปสู่ AI Chatbot เลยก็เป็นได้
“เรายังทิ้งแชนแนลปกติไม่ได้ แม้ว่าหลายส่วนจะก้าวสู่ดิจิทัลไปหมดแล้วก็ตาม เพราะเราพบว่าลูกค้าเราบางส่วนยังไม่สะดวกใช้งานออนไลน์ เราจึงต้องสร้างประสบการณ์ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์คือลูกค้าไม่ว่าจะวัยใดก็สามารถเข้ามาใช้งานได้ให้เกิดขึ้น”
อย่างไรก็ดี เมื่อถามถึงคาดการณ์ตัวเลขในปีหน้า คุณไพโรจน์เผยว่า ตลาดอาจจะโตต่อ แต่จะไม่ใช่ 2 digit เหมือนเช่นในปีนี้ และจะมีคู่แข่งเข้ามามากขึ้น ทำให้การแข่งขันดุเดือดขึ้น ซึ่งสิ่งที่กรุงศรีออโต้จะทำต่อไปคือการต่อยอดในด้านดิจิทัลให้มากขึ้น เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตและสเกลได้นั่นเอง