หอการค้าไทย เผยเศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.2 พร้อมระบุ หนี้ครัวเรือนสูง 4.8 แสนบาทต่อครัวเรือน สูงสุดในรอบ 12 ปี แนะรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เคาะมาตรการเยียวยา
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เผยการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
ในเรื่องของการใช้มาตรการล็อกดาวน์พื้นที่ต่าง ๆ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก ประกอบกับประชาชนไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวและใช้บริการร้านอาหาร รวมถึงโรงแรมต่าง ๆ ได้ ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถประกอบกิจการ รวมถึงการลงทุนและการบริโภคทรุดตัวลง
“ห่วงภาวะเศรษฐกิจของประเทศ โดยหลังจากนี้ 3 เดือน หากการดูแลควบคุมการระบาดของโควิด-19 ไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม จะยิ่งมีผลต่อการจ้างงานหรือการปลดคนงาน”
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศในปีนี้อาจขยายตัวได้เพียงร้อยละ 2.2 จากเดิมที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 2.8
หนี้ครัวเรือนสูงสุดในรอบ 12 ปี
นอกจากนี้หอการค้าได้สำรวจหนี้ครัวเรือนปี 2563 และแนวโน้มจากกลุ่มตัวอย่าง พบว่าจำนวนหนี้เฉลี่ยของครัวเรือนสูงถึง 483,950.84 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งขยายตัวสูงถึง 42.3% ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 12 ปี
โดยปัจจัยที่ทำให้ก่อหนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ขาดรายได้เนื่องจากถูกออกจากงาน และรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย
สำหรับปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสเกิดปัญหาชำระหนี้ กลุ่มตัวอย่างมีความเห็นว่าจะมาจากปัญหาเศรษฐกิจไม่ดี สูงถึง 72.1% รองลงมาคือ ค่าครองชีพไม่สอดคล้องกับรายได้ 59.4% รายได้ที่รับลดลง 54.8% และการแพร่ระบาดโรคโควิด -19 สูงถึง 55%
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ, มติชน