ทรัมป์ออกคำสั่งกดดันจีน ขึ้นบัญชีบริษัทที่มาจากแดนมังกรหลายบริษัท รวมถึง Huawei ด้าน Reuters รายงานว่า Google เตรียมหยุดแบ่งข้อมูลทางธุรกิจบางส่วนกับ Huawei จนทำให้ในโซเชียลไทยแสดงความกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะผู้ใช้สมาร์ตโฟนแบรนด์ดังกล่าวก็มีอยู่ไม่น้อย
ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 15 พ.ค. 61 โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกา ออก Executive Order เพื่อห้ามไม่ให้บริษัทสัญชาติอเมริกันใช้อุปกรณ์ที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ รวมถึงป้องการแทรกแซงเครือข่ายและอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีมาจากเทคโนโลยีของจีน
โดยในคำสั่งที่ออกมาครั้งนี้ ได้เพิ่มชื่อบริษัท “Huawei Technologies” เข้าสู่บัญชีดำ ทางการค้า ส่งผลให้อุปกรณ์หัวเหว่ย (Huawei) ได้รับผลกระทบต่อการทำธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
Google ตัดสัมพันธ์ Huawei ตามคำสั่งทรัมป์
วันนี้ (20 พ.ค. 62) สำนักข่าว Reuters ออกมารายงานว่ากูเกิล (Google) หนึ่งในบริษัทไอทีสัญชาติอเมริกัน เตรียมตัดสัมพันธ์กับหัวเหว่ย หลังคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมา โดยจะยุติการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการเชิงเทคนิค ในส่วนที่ไม่ได้เป็น Open Source
ในข่าวอ้างว่ามีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือระบุว่า “หัวเหว่ยจะได้ใช้แค่ Public Version ของ Android (Android Open Source Project : AOSP) และจะไม่สามารถรับสิทธิ์ในการเข้าถึงแอปและบริการจากกูเกิลได้”
ส่วนสำนักข่าว Bloomberg ก็รายงานว่า บริษัทผลิตชิปอื่นๆ อย่าง อินเทล (Intel), ควอลคอมม์ (Qualcomm), บรอดคอมม์ (Broadcomm) และ (Xilinx) ก็เตรียมยุติการทำธุรกิจร่วมกับ Huawei อีกด้วย
เรียกได้ว่าผู้ผลิตมือถือรายใหญ่จากแดนมังกรได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
กูเกิลและหัวเหว่ยแจงผู้ใช้ยังได้รับอัพเดทด้านความปลอดภัย
ด้านกูเกิลชี้แจงสั้นๆ ผ่านทางทวิตเตอร์ @Android ว่าจะยังใช้ระบบ Google Play และมีการป้องกันความปลอดภัยผ่าน Google Play Protect ให้กับอุปกรณ์ที่มีอยู่ต่อไป
For Huawei users' questions regarding our steps to comply w/ the recent US government actions: We assure you while we are complying with all US gov't requirements, services like Google Play & security from Google Play Protect will keep functioning on your existing Huawei device.
— Android (@Android) May 20, 2019
ส่วนหัวเหว่ย ประเทศไทย ระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า “จะยังคงให้บริการอัพเดทซอฟท์แวร์ด้านความปลอดภัยและบริการหลังการขายแก่ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของหัวเว่ยที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมดต่อไป ครอบคลุมถึงโมเดลที่ได้จำหน่ายออกไปแล้วและที่ยังรอการจัดจำหน่ายอยู่ในสต็อคทั่วโลก”
โดยหัวเหว่ย ประเทศไทย ใช้คำว่า “ซอฟท์แวร์ด้านความปลอดภัย” ส่วนหัวเหว่ยสำนักงานใหญ่ ใช้คำว่า “security updates”
Huawei has made substantial contributions to the development and growth of Android around the world. As one of Android’s…
โพสต์โดย Huawei Mobile เมื่อ วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2019
20 พฤษภาคม 2562 – จากกรณีการนำเสนอข่าวของสํานักข่าวรอยเตอร์ เกี่ยวกับกูเกิลจะระงับการทำธุรกิจกับหัวเว่ยนั้น…
โพสต์โดย Huawei Mobile เมื่อ วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2019
สรุปคือ ตอนนี้ใครใช้หัวเหว่ยอยู่ ยังใช้บริการ Gmail, Android และบริการอื่นๆ ของ Google ได้อยู่นะครับ
คนไทยกังวลจนติดเทรนด์ในทวิตเตอร์
แต่ก็ต้องยอมรับว่านี่ถึงเป็นเรื่องที่ผู้ที่ใช้สมาร์ตโฟนหัวเหว่ยอยู่ก็ต้องกังวลใจไม่น้อย เพราะคนไทยก็เริ่มใช้มือถือแบรนด์นี้กันมากขึ้นพอสมควร ทำให้หลายคนเริ่มแสดงความกังวลผ่าน Social Media เป็นจำนวนมาก จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์อยู่ช่วงเวลาหนึ่งของวันนี้เลยทีเดียว
จะเห็นได่ว่าในช่วงบ่ายและช่วงเย็น Hashtag #Huawei ขึ้นมาติดอันดับบน Twitter ประเทศไทยอีกด้วย
Twitter Trend
2019-05-20 14:30:01
1. #GameOfThrones
2. #Huawei
3. #FOOLSTEPTHEPATHOFLOVE
4. #XingFei
5. #갓세븐_이클립스_6시공개— TopTrendThai (@TopTrendThai) May 20, 2019
2019-05-20 17:00:02
6. #GameOfThrones
7. Google
8. #Huawei
9. #ECLIPSE
10. #안녕하세요— TopTrendThai (@TopTrendThai) May 20, 2019
รวมถึงคำค้นหาอย่าง “Huawei” และ “หัวเหว่ย” ก็ขึ้นมาติดอันดับใน Google Search ประเทศไทย เช่นกัน
Google Search Trend
2019-05-20 14:01:01
1. เดอะทอย
2. หัวเว่ย— TopTrendThai (@TopTrendThai) May 20, 2019
Google Search Trend
2019-05-20 17:01:02
1. Huawei
2. 20 พฤษภาคม— TopTrendThai (@TopTrendThai) May 20, 2019
ในปี 2561 หัวเหว่ยมียอดขายอยู่ที่ 105,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2560 และมีกำไรในปี 2561 อยู่ที่ 8,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2560 ถือเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลก
น่าจับตาว่าในปี 2562 นี้ สงครามทางการค้าครั้งนี้จะส่งผลต่อผลประกอบการของหัวเหว่ยมากน้อยเพียงใด
ที่มา : Al Jazeera, Reuters และ Bloomberg