Site icon Thumbsup

มีอะไรใน Thailand Social Awards 2019 งานประกาศผลคนโซเชียล แค่เริ่มต้นก็กวาดข้อมูลคนชอบกินเผือกมาเพียบ

ยังคงเป็นงานประกาศผลรางวัลด้านโซเชียลมีเดียที่มีความน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ให้แบรนด์ต่างๆ แล้ว ยังจับกระแสโลกโซเชียลมาไว้ให้คนที่สนใจทั้งแบรนด์ อินฟลูเอนเซอร์ นักการตลาด ได้เสพย์ข้อมูลไปใช้งานกันอย่างเต็มที่

กล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า ธีมของการจัดงานครั้งนี้คือ PLAY : Rolling your data เพราะข้อมูลยังย้อนกลับมาเล่นได้อย่างสนุก นั่นหมายความว่า คนไทยชอบขุดข้อมูลเก่ามาใช้งานซ้ำ โดยกระแสโซเชียลในเดือนที่ผ่านมา มีคนโพสต์ในโซเชียลต่างๆ กว่า 3.3 แสนข้อความเกี่ยวกับกระแสเลือดข้นคนจาง แต่ตัวเลขนี้ยังน้อยกว่าตอนฉายเรื่องบุพเพสันนิวาส ตามมาด้วย กระแสแอปเปิลสโตร์ ที่เปิดสาขาแรกในไอคอนสยามที่มีกว่า 3.6 หมื่นข้อความ ซึ่งเพลงประเทศกูมีที่มีคนรับชมสูงเกินกว่า 36 ล้านครั้งแล้ว

ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี

ทั้งนี้ ปริมาณข้อความที่แชร์กันในประเทศไทยอยู่ที่ 10,000 ข้อความต่อนาที เมื่อเทียบกับปี 2018 ทั้งปี ที่มีการแชร์ข้อความกันถึง 5,300 ล้านข้อความ ซึ่งตัวเลขนี้ยังมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้ก็ยังไม่หยุด บอกให้ทราบว่า #ชาวเน็ตเป็นคนใส่ใจ (ดูได้จากคำนิยามของกลุ่มคนชาวเน็ตที่ใส่ใจสังคมสิ)

นอกจากนี้ ความอยากรู้ของคนไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 3 ล้านครั้งต่อวันหรือประมาณ 2.9 ล้านครั้ง เมื่อวิเคราะห์ดูแฮชแท็กมากมายที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับวงการบันเทิงถึง 90% ที่เหลืออีก 10% เป็นเรื่องของแบรนด์ที่เกิด Crisis หรือกระแสที่น่าสนใจในบางช่วงเวลา รวมทั้งมีกลุ่มคนที่ตามดูอยู่ห่างๆ เมื่อเป็นตามที่คาดจะกลายมาเป็นวลีที่ว่ากูว่าแล้ว..”

เพราะโซเชียลมีเดียคือการแชร์ แต่ไม่ใช่ทุกคนคนดูสื่อฉลาดขึ้นแบรนด์ก็ควรฉลาดขึ้น แม้ว่าการเลือกใช้ Influencer จะเป็นเรื่องดี เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่าใกล้ชิดและเข้าถึงแบรนด์ได้มากกว่า แต่การวัดผลผ่านเครื่องมือของ Wisesight จะมีเรื่องของ centiment เข้ามาแทรกทำให้แบรนด์สามารถวัดผลได้ว่าแคมเปญที่ลงทุนผ่าน Influencer นั้น คุ้มค่าที่จะใช้หรือไม่ หรือมีใครพูดถึงแบรนด์ของคุณซึ่งเป็น Earn Media หรือไม่

นอกจากนี้ การใช้งาน Instagram มีตัวเลขลดลงประมาณ 1% เมื่อเทียบกับ Twitter ที่มีแบรนด์และคนหน้าใหม่เข้าไปเล่นมากขึ้น ทำให้มีการใช้งานโตขึ้น 38% ส่วนสาเหตุที่ตัวเลขของ IG ลดลงเป็นเพราะหลังจากผนวกกับ Facebook แล้ว มีอัลกอรึธึ่มที่ตัดแอคเคาท์ปลอมออก ทำให้การเปิดแอคเคาท์เพื่อขายของทำยากขึ้นกว่าเดิม และแม่ค้าออนไลน์ก็มีแพลตฟอร์มอื่นๆให้ใช้งานมากขึ้นด้วย

ส่วนเทรนด์โฆษณาที่จะเห็นในปีหน้านั้น จะมุ่งไปที่กลุ่มสตรีมมิ่งหรือโฆษณาบนวีดีโอมากขึ้น เห็นได้จากแบรนด์สนใจลงโฆษณาในคอนเทนต์ประเภทวีดีโอเพราะคนชอบดูวีดีโอมากขึ้น แต่จะใช้ความยาวโฆษณาที่เท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมนั้น อาจต้องเก็บจากพฤติกรรมของผู้ใช้งานให้ละเอียดขึ้นอีกนิด แต่ Facebook เสนอให้ทำเพียง 6 วินาที แต่เวลามันสั้นมาก

ทางด้านกระแสการเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้านั้น แน่นอนว่าจะมีการลงโฆษณามากขึ้นแน่นอน เพราะการฟังเสียงคนบนโลกโซเชียลยังเป็นเรื่องสำคัญ อย่างเช่นเสียงของเด็กที่อาจติดสอบ GAT-PAT กว่า 6-7 ล้านคนที่อาจไม่ได้ไปเลือกตั้งและเป็นฐานเสียงสำคัญ ซึ่งนักการเมืองจะเปลี่ยนทัศนคติของคนเลือกตั้งได้หรือไม่นั้น หากรับฟังและแก้ปัญหาได้ตรงจุด ย่อมมีโอกาสที่ดีแน่นอน แต่บริษัทไม่รับวิเคราะห์เทรนด์ให้แก่พรรคการเมืองต่างๆ แต่ถ้าเอเจนซี่ที่ทำงานร่วมกับเรารับงานมา บริษัทก็พร้อมยินดีช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าบริษัทยังมีการลงทุนต่อเนื่องเพื่อพัฒนาเครื่องมือให้ดีขึ้น และตั้งเป้ารายได้โตไม่น้อยกว่า 20-30% และยังคงรักษาการเติบโตของธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเตรียมย้ายออฟฟิศและเปิดตัวโซนเทรนนิ่งอย่างเป็นทางการ