หลังจากสงวนตัวขายเพลงออนไลน์อย่างเดียว วันนี้ชาวโลกสามารถดื่มด่ำกับผลงานเพลงอมตะของ 4 หนุ่ม The Beatles ผ่านบริการสตรีมมิ่งชื่อดังของโลก 9 แห่งได้แล้ว ถือเป็นสัญญาณสะท้อนพลังของธุรกิจ music streaming ที่กำลังจะเป็นอนาคตของธุรกิจเพลงทั่วโลก
ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจมากเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสื่อต่างประเทศมองว่านี่คือการรุกรานอังกฤษของบริการสตรีมมิ่งเพลง เนื่องจากที่ผ่านมา บริการสตรีมมิ่งเพลงนั้นได้รับความนิยมทางฝั่งอเมริกาอย่างชัดเจน เทรนด์นี้จึงทำให้ Universal Music Group ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงวงดนตรีสัญชาติอังกฤษอย่าง The Beatles ต้องปรับตัว
แถลงการณ์ระบุว่าเพลงจาก 13 อัลบัมที่ถูกนำมารีมาสเตอร์ของสี่หนุ่ม Fab Four จะพร้อมให้ฟังผ่าน 9 บริการสตรีมมิ่งเพลงตั้งแต่วัน Christmas Eve หรือ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยทั้ง 9 บริการนี้ได้แก่ Spotify, Apple Music, Tidal, Deezer, Google Play, Amazon Prime, Slacker, Groove และ Rhapsody
การประกาศครั้งนี้เรียกความสนใจจากนักสังเกตการณ์ทั่วโลก เนื่องจากเพลงของ The Beatles นั้นได้รับความนิยมสูง โดยชาวเน็ตแห่ดาวน์โหลดเพลง The Beatles จาก iTunes ถล่มทลายทันทีที่มีการเปิดขายในปี 2010 จุดนี้สถิติบันทึกไว้ว่า ในช่วงสัปดาห์แรก Apple สามารถขายเพลงของ The Beatles ได้มากกว่า 450,000 อัลบัม พร้อมกับซิงเกิล 2 ล้านเพลง
จุดยืนที่ต้นสังกัด The Beatles ยึดครองมา 5 ปีต้องสั่นคลอนเพราะความนิยมของบริการ music streaming ขณะเดียวกัน เหล่าบริการสตรีมมิ่งเพลงเองก็พยายามลดช่องว่างที่เกิดในบริการ ด้วยการหันมาเติมเต็มด้วยคลังเพลงเก่า ทั้งหมดนี้ถือเป็นแนวโน้มที่ชัดเจนซึ่งกำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลก
รายงานระบุด้วยว่า ที่เพจของ The Beatles บน Spotify นั้นมีผู้ติดตามแล้วมากกว่า 1.1 ล้านคน ตัวเลขนี้พิสูจน์ว่า The Beatles เป็นวงดนตรีอมตะที่อยู่เหนือกาลเวลา และเสียงเพลงของ John, Paul, George และ Ringo จะตรึงใจผู้ฟังยุคดิจิทัลไปอีกนาน
ที่มา : Huffingtonpost