เป็นเรื่องง่ายที่นักลงทุนจะหลงเสน่ห์ผู้ประกอบการที่มากความสามารถ ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลประกอบกับมองเห็นผลตอบแทนที่งอกเงยเพิ่มขึ้นจากการลงทุน และในที่สุดก็ทำให้เกิดการ exit ของธุรกิจ startup ของผู้ประกอบการอย่างสวยงามด้วยเงินกว่าพันล้านดอลล่าร์เหมือนกรณี Alibaba กับ Yahoo
ผู้ประกอบการเหล่านี้ก็เหมือนกับพวกเราที่คอยติดตามข่าวสารจากบล็อกเทคโนโลยี และจ้องมองก้อนเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากนักลงทุนกับเหล่า startups ทั้งหลายด้วยความหวังว่าจะสามารถก้าวออกจากธุรกิจได้อย่างสวยงามพร้อมเงินก้อนโตแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยกับงานที่เข้ามาวันต่อวันในธุรกิจของคุณ
Jon Yongfook ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Beatrix ซึ่งเป็นบริการสร้าง social media plan แบบง่ายๆ ให้กับธุรกิจของคุณ เขาเชื่อว่ายังมีอีกเส้นทางที่จะเรียกเงินลงทุน โดยระบุว่าหากเริ่มต้นได้ถูกทาง startup ก็ประสบความสำเร็จได้แม้ไม่ได้ขอเงินทุน ซึ่ง Yongfook ไม่ได้เป็นนักธุรกิจคนแรกที่สนับสนุนวิธีการนี้ ยังมี Jason Fried จาก 37Signals ที่ได้เริ่มต้นธุรกิจและสามารถสร้างกำไรได้โดยไม่ขอเงินทุนเช่นกัน
ความคิดเห็นของ Yongfook คิดว่าการมีลูกค้าจำนวนน้อยแต่ไม่มีภาระค่าธรรมเนียมจากการลงทุนใดๆ ยังเป็นการสร้างกำไรให้กับธุรกิจได้มากกว่าการมีลูกค้าจำนวนมากแต่เต็มไปด้วยค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ ทีนี้มาดูกันว่า Yongfook เขามีแนวทางการดำเนินธุรกิจเช่นไร
กำไรตั้งแต่วันแรก
เมื่อ Yongfook เริ่มทำงานกับ Pitchpigeon เมื่อต้นปี 2013 ที่ผ่านมา เขาท่องอย่างขึ้นใจว่าจะทำตามไอเดียที่สร้างผลกำไรได้ตั้งแต่เริ่มต้น โดยเขาใช้หลักการ Minimum Viable Product (MVP) ในการพัฒนาเวอร์ชั่นของ Pitchpigeon โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ และทดลองกับ Hacker News รวมถึงแหล่งอื่นๆ ซึ่งสามารถเรียกลูกค้าและทำเงินได้ตั้งแต่วันแรกโดยที่ไม่ได้ลงทุนทำ marketing ใดๆ! ต่อจากนั้นเป็นต้นมาก็มีลูกค้ากว่าร้อยคนเข้ามาใช้บริการโดยมีค่าใช้จ่ายครั้งละ 50 – 80 ดอลล่าร์ นับว่าเป็นแหล่งที่มาของรายได้ในช่วงเริ่มต้น และ Beatrix ธุรกิจปัจจุบันของเขาก็ได้ดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน เขาต้องการคิดค้นบริการที่ใส่ข้อมูลด้าน technical เข้าไปเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาสำคัญๆ สำหรับผู้ใช้บริการ โดยลูกค้าต้องรู้สึกคุ้มค่าที่จะจ่ายมันในการซื้อบริการ เขาได้ใส่ไอเดียนี้ลงไปในแอปฯสำหรับโซเชียลมีเดีย และเริ่มมุ่งไปสู่ลูกค้าที่มีศักยภาพ เช่นเดียวกัน เขาสามารถทำเงินได้ตั้งแต่วันแรก
เหตุผลที่ไม่ขอเงินลงทุน
แน่นอนว่าเงินลงทุนจากนักลงทุนจะช่วยเร่งให้ธุรกิจเติบโตไปได้เร็ว ซึ่ง Yongfook ก็รู้อยู่เต็มอก อย่างไรก็ตามเขาทำธุรกิจเพื่อวิ่งมาราธอน ไม่ใช่เพียงแค่วิ่ง 4 คูณ 100 หรือระยะสั้นๆ เพราะเขารู้สึกยินดีกับการเติบโตอย่างช้าๆ แต่มั่นคงมากกว่าเพราะไม่ใช่การแข่งขัน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่แสวงหาเงินลงทุนจากเหล่าผู้ร่วมลงทุน นอกจากนี้การนำเงินลงทุนจากแหล่งอื่นเข้ามาบริหารธุรกิจจะต้องใช้ทีมงานที่ดูแลบัญชี ซึ่งเป็นการเพิ่มงานจำนวนมากที่ต้องรับผิดชอบเข้าไปอีก Yongfook เผยเหตุผลที่เขาสร้าง startup ขึ้นมาไม่ใช่เพราะต้องการร่ำรวยมหาศาล รวมถึงไม่ได้อยากอยู่ในความดูแลจากบริษัทใหญ่ๆ แต่เขาชอบความเป็นอิสระที่สามารถทำสิ่งที่เขาต้องการ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นได้ไม่ได้เลยหากใช้เงินลงทุนจากคนอื่น
นอกจากนี้การมีเงินอยู่ในธุรกิจจำนวนมหาศาลนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่งถ้าหากคุณบริหารไม่เป็น มีธุรกิจจำนวนมากที่ล้มละลายจากการผลาญเงินก้อนใหญ่เหล่านี้ และการไม่ขอเงินลงทุนจะที่ให้ธุรกิจมุ่งความสำคัญไปที่การหารายได้มากกว่าการคิดว่าจะนำเงินไปใช้ทำประโยชน์อย่างไร
สุดท้ายนี้อาจจะมีใครหลายคนคิดว่าเงินทุนนั้นจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจ เพราะจะต้องใช้ในการดำเนินการต่างๆ ซึ่ง Yongfook ได้ทิ้งท้ายไว้ว่าให้ทำธุรกิจที่เป็น consulting และสามารถเรียกเก็บเงินได้ทันที เมื่อคุณมีเงินสดในมือจำนวนมากพอ จนบางทีคุณอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้แหล่งเงินทุนก็เป็นได้ แถมยังยืดอกได้ว่าเป็นเจ้าของธุรกิจอย่าง 100% อีกด้วย ปัจจุบัน Yongfook ทำงานอย่างหนักกับ Beatrix ซึ่งมีลูกค้าใช้บริการแล้วกว่าร้อยคน ด้วยอัตราการจ่ายต่อคนอยู่ที่ 20 – 100 ดอลล่าร์ต่อเดือน โดยเป้าหมายในปีนี้ของ Beatrix คือมีลูกค้า 1,000 คนที่เรียกเก็บเงินได้ และแน่นอนว่าจะไม่ใช้แหล่งเงินทุนใดๆ เลย
ที่มา : Tech in Asia