Site icon Thumbsup

อะไรจะเกิดขึ้นหลังการมาของ “The new iPad”

ภายหลังการประกาศเปิดตัว iPad อุปกรณ์แท็บเล็ตที่ออกมาเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ไปแบบสดๆ ร้อนๆ โดยการเปิดตัวครั้งนี้ ทาง Apple ได้จับเอาสเปคสำคัญอย่างความละเอียดหน้าจอระดับสูงที่สุดในตลาดวันนี้ใส่มาในอุปกรณ์ของตัวเองด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการเปิดตัวครั้งนี้ย่อมต้องส่งผลให้ตลาดไอทีตื่นตัว โดยเฉพาะตลาดแท็บเล็ตที่วันนี้ หลายต่อหลายบริษัทผู้ผลิต พยายามที่จะดันให้แบรนด์ของตัวเอง กินส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น อะไรจะเกิดขึ้นหลังการเปิดตัว “the new iPad” บ้าง ลองไปติดตามกันครับ…

ตั้งแต่มีการเปิดตัว iPad ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา iPad สามารถครองตำแหน่งเจ้าตลาดของอุปกรณ์แท็บเล็ตมาได้ตลอด แถมปรากฏว่าผลสรุปของส่วนแบ่งการตลาดของพวกเขาเมื่อปลายปีก่อน ยังผลให้แท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android มีส่วนแบ่งลดลงเหลือเพียงแค่ไม่ถึงร้อยละ 40 เพราะฉะนั้นทุกการเคลื่อนไหวของ Apple ที่มีต่อ iPad จะส่งผลให้ตลาดอุปกรณ์แท็บเล็ตต้องมีผลกระทบแน่นอน เราไปลองดูในแต่ละส่วนกันดีกว่า…

ตลาดอุปกรณ์ที่มีหน้าจอสัมผัส – รวมไปถึงแท็บเล็ตที่ไม่มีการใส่ภาครับสัญญาณโทรศัพท์หรือ 3G มาด้วย เป็นตลาดที่เรียกว่าตอนนี้เริ่มได้รับความสนใจจากบรรดาผู้ใช้งานที่อาจจะไม่ได้มีความต้องการใช้งานในระดับสูงมากนัก ซึ่งอุปกรณ์ที่จัดอยู่ในส่วนนี้ก็ได้แก่ Amazon Kindle Fire หรือแท็บเล็ตขนาดหน้าจอประมาณ 7-8 นิ้ว ซึ่งเชื่อว่าตลาดส่วนนี้อาจจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก

เนื่องจากความต้องการของผู้ใช้งานอุปกรณ์กลุ่มนี้มักเป็นกลุ่มที่มีงบประมาณที่จำกัด และใช้งานเพียงบางอย่างเท่านั้น เช่น Amazon Kindle Fire ที่เน้นหนักไปทางการอ่าน E-books เป็นหลักอยู่แล้ว หรือ E-books reader ที่มีจุดประสงค์แบบเดียวกัน (ซึ่งน่าเสียดายที่ Kindle Fire ไม่สามารถใช้งานได้เต็มรูปแบบในประเทศไทยได้ ไม่งั้นคงเห็นคนใช้กันมากกว่านี้)

ที่น่าสนใจมากๆ ในช่วงปีนี้ ก็คือข่าวลือที่มีออกมาว่า “Asus” คือผู้ผลิตรายถัดจาก “Samsung” ที่จะได้ผลิตอุปกรณ์ให้กับทาง Google โดยเป็นคิวของ Nexus Tablet ที่ว่ากันว่าอาจจะเปิดราคามาต่ำกว่า $200 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 6,000 บาท) ซึ่งคงต้องมาติดตามในงาน Google I/O ปีนี้ดูครับว่าจะมีเซอร์ไพรส์อะไรจากทาง Google บ้างหรือไม่

สรุป: ไม่มีผลกระทบมากนัก ยังคงยึดทีมั่นของตัวเองไว้ได้ไม่ต่างจากเดิมนัก

ตลาดแท็บเล็ตด้วยกัน –?นี่คือตลาดที่น่าจะได้รับผลกระทบสูงสุด ผลสำรวจปลายปีก่อนยังทำให้บรรดาผู้ผลิต Android Tablet ยังคงกุมขมับ เพราะต้องหาทางทวงส่วนแบ่งการตลาดที่แม้จะรวมกันทุกๆ ค่าย ยังกินส่วนแบ่งไม่ได้ใกล้เคียง iPad เลยแม้แต่น้อย แต่ปีนี้น่าสนใจขึ้นมาหน่อย สำหรับสาวกหุ่นกระป๋อง

นั่นก็เพราะเท่าที่ผมได้มีโอกาสได้สัมผัสกับระบบปฏิบัติการตัวล่าสุดของพวกเขา คือ Ice Cream Sandwich หรือเวอร์ชันที่ 4 ของอุปกรณ์พกพาที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android OS ซึ่งทำให้รู้สึกได้ว่าการทำงานของแท็บเล็ตน่าจะมีประสิทธิภาพดีขึ้น การทำงานลื่นไหลขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน (แต่ยังไม่ได้ทดสอบใช้งานจริงๆ นะครับ) แถมปีนี้ตลาดแอพฯ ของแอนดรอยด์ยังน่าที่จะโตขึ้นไปได้อีก และมีแนวโน้มว่าในปีนี้ อาจจะมีลุ้นได้เห็นการแซงหน้า iOS ของจำนวนแอพฯ เสียด้วย

แม้บางสำนักวิจัยจะออกมาฟันธงว่าปีนี้ iPad น่าจะฟาดส่วนแบ่งการตลาดไปได้ถึงร้อยละ 70 ก็ตาม แต่ผมยังเชื่อว่าทิศทางของแอนดรอยด์ในปีนี้น่าจะดีขึ้น แม้จะไม่ได้ทำให้กลับมากินส่วนแบ่งในระดับระบบปฏิบัติการมากกว่า iOS แต่ก็คงไม่กินขาดเหมือนปีก่อนแน่ เพราะผู้ผลิตอย่าง Samsung, HTC, LG, Asus และ Acer คงไม่อยู่นิ่งเป็นแน่ นอกจากนี้ยังมีเฮ้าส์แบรนด์ที่กำลังมาแรงด้วยการเล่นราคาของอุปกรณ์ให้ต่ำเสียจนบางคนต้องควักเงินซื้อกันง่ายๆ เลยทีเดียว

สรุป: ส่งผลกระทบโดยตรง คู่แข่งในตลาดจะพาเหรดออกรุ่นใหม่เพื่อมาชนกับ The new iPad มากขึ้น ราคาจะเป็นอีกกุญแจสำคัญที่จะนำพาให้แบรนด์นั้นกินส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น

กับ iPad 2 ของทาง Apple เอง –?ในมุมของอุปกรณ์แบรนด์เดียวกัน ซึ่งตกรุ่นกันไปในชั่วข้ามคืนหลังการมาของ The new iPad ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งสาเหตุที่พวกเขาไม่ได้ตั้งชื่อ “iPad 3” ให้อุปกรณ์แท็บเล็ตตัวใหม่ของพวกเขา

เพราะการตั้งชื่อ iPad 3 จะการเป็นการฆ่ารุ่นเดิมของ iPad ไปโดยอัตโนมัติ และน่าเชื่อว่าทาง Apple น่าจะยังคงมีชิ้นส่วนประกอบของ iPad 2 อยู่ไม่น้อย เพราะหากสังเกตดีๆ iPad รุ่นใหม่ มีหน้าตาละม้ายคล้ายจนเรียกว่าเป็นฝาแฝดกับ iPad 2 เลยทีเดียว

แน่นอนว่าการออกรุ่นใหม่คงทำให้รุ่นเก่าอย่าง iPad 2 มียอดขายร่วงหล่นลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เชื่อว่ายังคงมีผู้ใช้งานอีกจำนวนไม่น้อยยอมได้หน้าจอที่มีคุณภาพต่ำกว่า ในราคาที่ถูกลงไปเกือบสามพัน อยู่ไม่น้อย อย่างน้อยก็ช่วยให้ Apple เคลียร์ของออกไปได้ไม่น้อยแน่ๆ

สรุป: ยอดขายร่วงแบบเห็นชัด แต่ยังพอถูๆ ไถๆ ไปได้อีกพักหนึ่ง

อุปกรณ์แบบ Hybrid –?คำว่า Hybrid นั้นเราคงพอได้ยินกันมาบ้างแล้ว ความหมายของคำๆ นี้ก็คืออุปกรณ์ประเภทที่มิได้เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ที่มีหน้าจอสัมผัสเท่านั้น แต่จะมีการนำเข้าข้อมูลรูปแบบอื่นๆ เสริมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นแป้นคีย์บอร์ด หรือทัชแพด อะไรทำนองนั้น ซึ่งเท่าที่เห็นตอนนี้ก็จะมี Slate แท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 จาก Samsung หรือจะเป็น Lenovo Tablet และ Asus Transformer เป็นต้น

แน่นอนว่าราคาของอุปกรณ์ประเภทนี้มักจะมีราคาที่กระโดดสูงกว่าบรรดาแท็บเล็ตในท้องตลาด ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะราคาของอุปกรณ์เสริมที่มาพร้อมกันในชุดนั่นแหละครับ ซึ่งเชื่อว่าผู้ใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ คงเลือกอุปกรณ์เหล่านี้จากความสามารถของอุปกรณ์เสริม นั่นทำให้ความน่าจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดคงไม่มากนัก และน่าจะไปในทิศทางเดียวกับบรรดาอุปกรณ์ที่มีหน้าจอสัมผัส รุ่นเล็กๆ นั่นล่ะครับ

สรุป: ไม่เจอผลกระทบมาก ยิ่งโดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการเป็น Windows เพราะผู้ใช้น่าจะเลือกที่ระบบปฏิบัติการเป็นหลัก ส่วนที่เป็นแอนดรอยด์ก็อาจจะได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อย

ตลาดบ้านเรา – แน่นอนว่าเป็นที่ฮือฮาแน่นอน หลังล่าสุด เริ่มมีผู้จำหน่ายบางร้านในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ย่านปทุมวัน ใกล้มหาวิทยาลัยรัฐฯ อันดับต้นๆ ของไทย (จะใบ้ทำไมเนี่ย รูปชัดขนาดนี้ – -“) ซึ่งก็ไม่ต่างจากทุกครั้งที่ Apple มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และบ้านเราก็ไม่เคยอยู่ในลิสต์รายการประเทศที่วางจำหน่ายอันดับต้นๆ อยู่แล้ว (อันนี้น่าแปลกเหมือนกัน สงสัยว่า Apple ไม่ชายตามองเราบ้างหรือไร)

ล่าสุดในวันที่มีการเขียนบทความนี้ ราคาของ The new iPad อยู่ประมาณ 32xxx บาท สำหรับรุ่น 4G 64GB ซึ่งราคาเต็มมันจริงๆ ที่จะวางจำหน่ายก็น่าจะอยู่ราวๆ สองหมื่นกลางค่อนไปทางปลายๆ เท่ากับร้านค้าในห้างเหล่านี้ คิดกำไรจากการหิ้วไปประมาณ 5000-6000 บาทต่อเครื่อง

แต่ต้องบอกว่าจากการสังเกตของผมเอง (อีกนั่นแหละ) ราคาเครื่องหิ้วของ The new iPad ไม่ได้สูงอย่างที่ผมคิดเท่าไรนัก เนื่องจากว่าในการเปิดตัวครั้งนี้มีการขายพร้อมกันมากถึง 10 ประเทศ ซึ่งก็รวมไปถึงประเทศที่อยู่ใกล้ๆ กับเราอย่าง สิงคโปร์หรือฮ่องกง ทำให้ราคาค่าหิ้วนั้นไม่แพงจากราคาขายตามศูนย์ ผิดกับการออกรุ่นก่อนหน้าหรือตอนมีการหิ้ว iPhone 4 เมื่อปีกว่าๆ ที่ผ่านมา เครื่องที่ขายออกไปวันแรกๆ ว่ากันว่าอยู่ที่ 5-6 หมื่นบาทเลยทีเดียว

สรุป: ราคาของ The new iPad จะยังคงสูงไปอีกสักระยะ และจะค่อยๆ ลดต่ำลงจนกว่าจะมีกำหนดการวางจำหน่ายเผยมาจากทาง Apple ส่วน iPad 2 ตอนนี้ เริ่มลดราคาต่ำกว่าศูนย์แล้ว ใครสนใจก็ไปหาซื้อกันได้นะจ๊ะ

ภาพรวมของแท็บเล็ตในปีนี้ –?ตบท้ายด้วยภาพรวมของตลาดปีนี้ แน่นอนว่าคงเป็นอีกปีที่การแข่งขันระหว่าง iOS และ Android จะยังคงเข้มข้น แม้ว่าทางฝั่ง iOS จะดูถือไพ่เหนือกว่าอยู่พอสมควร จากสถิติการถือครองส่วนแบ่งการตลาดเกินครึ่ง แต่หุ่นกระป๋องสีเขียวก็ทำการบ้านมาได้อย่างน่ากลัว ซึ่ง Apple ก็คงไม่สามารถหยุดพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเองได้

ในฐานะผู้บริโภคคนหนึ่ง คงอยากเห็นการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตที่เข้มข้น และดุเดือด ยิ่งถ้าเมื่อไหร่มีผู้แข่งขันเยอะ เชื่อว่าราคาของอุปกรณ์เหล่านี้ก็คงจะลดต่ำลงไปด้วย และนั่นจะทำให้ผู้ใช้งานอย่างเราได้รับผลดี โดยได้ทั้งของดี และของถูกไปในคราวเดียวกัน…มาลองลุ้นกันดูนะครับว่าปีนี้ ใครจะเข้าป้ายคว้าที่หนึ่งของตลาดอุปกรณ์พกพาที่มีหน้าจอสัมผัสกันไป สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ ^^