ไม่ใช่แค่ธุรกิจร้านอาหารรายย่อยที่เจอผลกระทบจากโควิด-19 แต่ธุรกิจร้านอาหารรายใหญ่อย่าง เดอะ พิซซา คอมปะนี ก็บอกชัดว่า กระทบหนัก หลังรัฐไม่ได้ช่วยเยียวยาและไม่ให้เข้าร่วมมาตรการต่างๆ ของรัฐ อย่าง “คนละครึ่ง” แม้จะมีรายได้จากเดลิเวอรี่มาช่วยพยุงธุรกิจ แต่ภาพรวมรายได้ตอนนี้ติดลบ ทำให้เป้าตอนนี้คาดหวังให้ฟื้นกลับมาไม่ติดลบก็พอใจแล้ว
สร้างความมั่นใจโอกาสของธุรกิจ
คุณภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะพิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดพิซซ่าลดลงตั้งแต่สถานการณ์การระบาดเข้าสู่รอบที่ 3 เพราะมีการเปิดปิดร้านอาหารหลายรอบและผู้บริโภคก็ไม่มั่นใจที่จะเข้ามานั่งทานในร้าน
ดังนั้น ภาพรวมรายได้ก่อนเกิดโควิด-19 ทั้งสามบริการคือทานในร้าน รับกลับบ้านและเดลิเวอรี่ สัดส่วนอยู่ที่ 33% ช่วงโควิดในไตรมาสนี้ สัดส่วนรายได้แบ่งเป็นเดลิเวอรี่ 70% รับกลับบ้าน 30% และนั่งทานในร้าน 10% ส่วนสาขาที่เปิดให้บริการขณะนี้มีอยู่ที่ 405 สาขา ทำรายได้รวมปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 7,000 กว่าล้านบาท
“ทางออกที่ดีที่สุดในสถานการณ์แบบนี้คืออยากให้จัดหาวัคซีนให้ครบและเร็วที่สุด เพื่อที่ประชาชนทุกคนมั่นใจและกล้าออกมาใช้ชีวิต ปีหน้าถ้าจะเปิดประเทศ แบรนด์เองก็ต้องหาสินค้าใหม่ๆ เพื่อดึงดูดให้คนมานั่งทานในร้านเพิ่มขึ้น เพราะตอนนี้แค่ออกมาเดินห้างคนยังกังวลมาก แม้แต่ห้างเองก็ต้องมองหาธุรกิจใหม่ๆ มากระตุ้นให้คนมั่นใจและเข้าห้างมากขึ้นเช่นกัน”
นอกจากนี้ ทางเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ก็หวังอยากให้รัฐพิจารณาเงื่อนไขในการเปิดให้ร้านอาหารที่เป็นนิติบุคคลสามารถใช้จ่ายผ่านคนละครึ่งได้เช่นกัน เพราะทางร้านก็ได้รับผลกระทบ แม้บริษัทจะออกแคมเปญใหม่ๆ กระตุ้นตลาดตลอดเวลา แต่ตอนนี้เราต้องประเมินสถานการณ์เป็นรายเดือน เพื่อออกแคมเปญให้ทันกับความต้องการของลูกค้าพร้อมกับรักษายอดขายให้อยู่ได้ด้วย
“เราประเมินกำลังซื้อผู้บริโภคตอนนี้ว่าต่ำมาก เพราะคนตกงานเยอะ เงินก็ไม่ค่อยมีเหมือนเดิม วันนี้ที่เรายังมีออเดอร์เข้ามาเยอะก็มาจากการใช้ดีลและส่วนลดทั้งลดแลกแจกแถมที่เราทำต่อเนื่อง ซึ่งเราก็ต้องประเมินอีกว่าตุลาคมที่จะมีการเปิดเมืองจะต้องไดร์ฟตลาดยังไงแบบเดือนต่อเดือนกันเลย”
ปรับแผนทุกเดือนสร้างโอกาสอยู่รอด
หากย้อนกลับไปตอนโควิดรอบแรกยังไม่กระทบมาก เพราะทุกคนยังพอมีกำลังใช้จ่ายและปรับพฤติกรรมมาสั่งซื้อออนไลน์กัน แต่พอมาปีนี้ (2564) เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (2563) ต้องบอกว่ายอดขายตกลงไปแล้ว 15% จากภาพรวมตลาดพิซซ่า 4,000-5,000 ล้านบาท หากมีการเปิดประเทศทุกอย่างกลับมาทำธุรกิจได้แบบปกติ เราก็คาดว่าธุรกิจของเราต้องใช้เวลาฟื้นอย่างน้อย 3-6 เดือน แต่ถ้ายังไม่เปิดเราก็ยังต้องปรับตัวไปเรื่อยๆ ก่อนเพื่อล้อไปกับนโยบายหลักของประเทศ
“เราคาดว่าการกลับมานั่งรับประทานอาหารในร้านอาจต้องใช้เวลา เพราะพิซซ่าคนสั่งเดลิเวอรี่กันได้ พอมานั่งทานที่ร้านเค้าก็อยากหาประสบการณ์กับอาหารประเภทชาบู ปิ้งย่าง บุฟเฟ่ต์ แนวนั้นก่อน เพราะห่างหายไปนาน ส่วนร้านพิซซ่าอย่างเราคิดว่าคนจะเริ่มกลับมากินก็น่าจะ 6 เดือน”
ทั้งนี้ เดอะพิซซ่า คอมปะนี เป็นส่วนหนึ่งของไมเนอร์ฟู้ด ช่วงล็อกดาวน์เรามีสัดส่วนในธุรกิจหลักอยู่ที่ 40% หากผ่อนคลายกลับมาในสถานการณ์ปกติ คาดว่าเราจะมีสัดส่วนรายได้ในเครืออยู่ที่ 20% เพราะธุรกิจอาหารอื่นๆ ก็น่าจะฟื้นกลับมาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม งบการตลาดของแคมเปญนี้ จะอยู่ที่ 30 ล้านบาทเช่นเดียวกับทุกแคมเปญเพราะต้องมีการกระตุ้นตลาด การสื่อสารและโปรโมชั่นต่างๆ โดยครั้งนี้เราเน้นไปที่การอัดงบส่วนลดเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายแทนการสร้างการรับรู้ เพราะเราประเมินว่าหากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ แต่คนก็เปลี่ยนพฤติกรรมไปเป็นการสั่งเดลิเวอรี่จนคุ้นชินแล้ว ช่องทางเดลิเวอรี่จึงยังสำคัญ ซึ่งลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
นอกจากนี้ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ก็มีการปรับตัวหน้าร้านให้เป็นคลาวด์คิทเช่นทั้งของตนเองและธุรกิจในเครือมากขึ้น ด้วยคลาวด์คิทเช่นเน็ตเวิร์คตอนนี้น่าจะมีกว่า 160 สาขาแล้ว ก็มีการนำร้านอาหารบางแบรนด์ของเครือไมเนอร์ฟู้ด อย่างซิสเล่อร์ บอนชอน มารวมอยู่ในร้านร่วมกันหลายสิบสาขา เพื่อให้ลูกค้าสั่งและรับอาหารได้แบบรวดเร็วเป็นคอมพลีทเน็ตเวิร์คเลย
ส่วนพนักงานก็ต้องปรับตัวกันมาก บางคนก็ถูกส่งไปช่วยสาขาท่ีมีออเดอร์เข้ามาเยอะ หรือไปช่วยกระจายในธุรกิจอื่นๆ แต่ก็มีบางส่วนที่ต้องหยุดงานไปก่อน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งการปรับแผนเพื่อรักษาธุรกิจตลอดเวลา
อัดแคมเปญ 1 แถม 1 สำหรับช่วงเวลาพิเศษ
ปกติแล้วการทำแคมเปญ 1 แถม 1 จะทำในช่วงเวลาพิเศษอย่างวันครบรอบของบริษัท แต่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เดอะ พิซซ่า คอมปะนี จึงได้จัดแคมเปญส่งเสริมการตลาด ซื้อ 1 แถม 1 “รอบพิเศษ ทุกหน้า ทุกขอบ ทุกช่องทาง ทุกวัน” โดยความพิเศษของกิจกรรมครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคเลือกซื้อได้ไม่จำกัดประเภทหน้าพิซซ่า ไม่จำกัดขอบไม่จำกัดประเภทแป้งทั้งหนานุ่ม หรือบางกรอบ รวมถึงนิวยอร์กพิซซ่า XXXL 18 นิ้ว ก็ร่วมแคมเปญดังกล่าว อีกทั้งยังครอบคลุมทั้งการรับประทานในร้านทุกสาขา และเดลิเวอรี ผ่านโทร 1112 แอพพลิเคชั่น The Pizza Company 1112 รวมถึง แอพพลิเคชั่น 1112 Delivery และพันธมิตร ได้แก่ ไลน์แมน แกร็บฟู้ด ฟู้ดแพนด้า หรือล่าสุด โรบินฮู้ด ตั้งแต่ วันนี้ ถึง 8 พฤศจิกายน 2564 เริ่มต้นเพียง 239 บาท
นอกจากนี้ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ยังได้เปิดตัวเมนูใหม่เอาใจคนรักเบคอน ได้แก่ “พิซซ่าเบคอนเบรกแตก” พิซซ่าหน้าอเมริกันเบคอนกรอบ ให้ได้อร่อยเพลินเต็มอิ่มกับเบคอน อร่อยแน่นเต็มขอบ กรอบล้นหน้า และ “ขอบไส้กรอกชีสยักษ์พันเบคอน” และขอบใหม่ที่จัดเต็มด้วยเบคอนกรอบ และไส้กรอกชีสเนื้อแน่นเด้งห่อด้วยแป้งกรอบนอกนุ่มในให้คนรักเบคอนได้อิ่มอร่อยกับเบคอนและไส้กรอกชีสแบบเต็มคำ โดยเมนูดังกล่าวยังร่วมแคมเปญ 1 แถม 1 ด้วยเช่นกัน พร้อมจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษ 2 ถาดราคาเริ่มต้นเพียง 439 บาท สำหรับเมนูพิเศษนี้จะสามารถสั่งผ่านช่องทางการโทร 1112 และ แอพพลิเคชั่น The Pizza Company 1112 เท่านั้น เรียกได้ว่าเมื่อสั่งผ่านช่องทางดังกล่าวก็จะอิ่มคุ้มได้ครบที่สุด เพราะสามารถเลือกได้ทุกเมนู มีหน้าพิซซ่าให้เลือกตามความชอบได้แบบจัดเต็ม