ขึ้นชื่อว่าเป็น “ผู้ประกอบการ” จะต้องมีความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ และกล้าได้กล้าเสีย โดยทั่วไปแล้ว พวกเขามีศักยภาพเพียงพอที่จะนำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ แต่ก็น่าประหลาดใจว่าทำไมทุก ๆ ปีจะมีธุรกิจขนาดเล็กที่ไปไม่รอดเป็นจำนวนมากถึง 8 ใน 10 ราย
การสำรวจหลุมพรางทางธุรกิจจะช่วยให้ห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าการจะพาธุรกิจไปถึงดวงดาวได้นั้นต้องอาศัยอะไร ๆ มากกว่าการเป็น CEO ที่กระหายความสำเร็จ และนี่คือความล้มเหลว 5 ประการที่เป็นสาเหตุให้ธุรกิจขนาดเล็กต้อง “จอดสนิท” ทั้งที่เพิ่งจะเริ่มกิจการมาได้ไม่กี่ปีเท่านั้น
1. ล้มเหลวในการทำการตลาดออนไลน์
ในยุคที่คำว่า “Google” เป็นคำกริยา คุณจะขายได้ไม่เท่าที่มันควรจะเป็นแน่ ๆ หากไม่ทำการตลาดออนไลน์ จากการสำรวจโดย Invesp พบว่า 80% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจะซื้อสินค้าในระบบออนไลน์ และผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจำนวน 81% จะทำการค้นหาข้อมูลของสินค้าจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ ดังนั้น ธุรกิจของคุณจะต้อง “อยู่ในสายตา” ของผู้บริโภค เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจมีความก้าวหน้า เมื่อเป็นเช่นนี้ การทำ SEO รวมทั้งการโปรโมทผ่าน Social media marketing และการใช้ทุกช่องทางการสื่อสารมาสนับสนุนการขาย จึงเป็นแครื่องมือที่จะช่วยให้ธุรกิจได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้น
2. ล้มเหลวในการฟังเสียงตอบรับจากลูกค้า
ผู้บริโภค 78% จะรับฟังข้อมูลจากเกี่ยวกับสินค้าต่าง ๆ จากผู้บริโภคคนอื่น ๆ จากช่องทางออนไลน์มากที่สุด ไม่ว่าคุณจะดำเนินธุรกิจแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ควรจะอำนวยความสะดวกในการมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ได้โดยตรงผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งลูกค้าเหล่านี้จะให้ฟีดแบ็กเกี่ยวกับสินค้า ราคา และการให้บริการ ในทางกลับกัน การพูดคุยโต้ตอบกับลูกค้าเหล่านี้ก็จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค การตอบสนองต่อการรีวิวสินค้าและความเห็นจากลูกค้าในเชิงบวกและรวดเร็วจะเป็นการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าในปัจจุบันและลูกค้าในอนาคตผู้ซึ่งกำลังมองหารีวิวสินค้ามาประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าของคุณ
3. ล้มเหลวในการยกระดับธุรกิจไปสู่การเติบโตในอนาคต
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการสร้างแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพจะส่งผลให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้นาน แต่ความพยายามหลาย ๆ อย่างที่ทุ่มลงไปกับการตลาดในลักษณะออฟไลน์อาจจะสร้างผลลัพธ์ในลักษณะ Short term ในขณะที่ผลจากการลงทุนกับการทำตลาดออนไลน์สามารถยืนระยะได้ยาวนานกว่านั้น ซึ่งจะตอบโจทย์การสร้างแบรนด์มากกว่า ในการสื่อสารแก่นแท้ของแบรนด์ไปยังผู้บริโภค ต้องแน่ใจว่ารูปร่างหน้าตาของแบรนด์ที่ปรากฏในโลกออนไลน์นั้นเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด ตั้งแต่เว็บไซต์ไปจนถึง Twitter อย่างเป็นทางการของบริษัท และทุก ๆ การสื่อสารก็ถูกพูดออกมาในโทนเดียวกัน เพราะลูกค้าทั้งในปัจจุบันและลูกค้าในอนาคตต่างก็ชื่นชอบหน้าเว็บไซต์ที่ดูดีมีสุนทรียะ (เพราะมันสะท้อนตัวตนของพวกเขาเช่นกัน) ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะทำให้พวกเขาจะกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของแบรนด์อีกหลาย ๆ ครั้ง เชื่อเถอะว่าความพยายามเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคุณในวันนี้จะต้องให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาวได้
4.ล้มเหลวในการปรับตัวเมื่อตลาดเปลี่ยนแปลง
การเริ่มต้นทำโมเดลธุรกิจอาจจะแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางการตลาดที่คุณต้องทำนั้นมีอะไรบ้าง แต่ถ้าไม่ศึกษาตลาดและเกาะติดให้ดี มันหมายถึงการอยู่บนความเสี่ยงแน่ ๆ ที่คุณต้องทำคือสำรวจอุตสาหกรรมและตลาดในพื้นที่ของธุรกิจ คุณอาจจะพบว่าสามารถก้าวนำเทรนด์ในพื้นที่ของคุณได้ด้วยการศึกษาธุรกิจที่ให้บริการแบบเดียวกันในพื้นที่อื่น ๆ หรือศึกษาเส้นทางสู่ความสำเร็จของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กอื่น ๆ ในพื้นที่ของคุณว่ามีความเป็นมาอย่างไร การทำความเข้าใจกับประเด็นสำคัญเหล่านี้จะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเมื่อคุณกลายเป็นผู้นำเทรนด์ของตลาดและโดดเด่นขึ้นมาในพื้นที่ของคุณ
5. ล้มเหลวในการติดตามผลและประเมินทางการตลาด
เครื่องมือ Web analytic ทั้งหลายจะช่วยให้คุณสามารถติดตามและประเมินผลทางการตลาดออนไลน์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่ว่าจะเป็นการระบุว่ากิจกรรมทางการตลาดอันไหนที่ช่วยฉุดธุรกิจของคุณขึ้นมา อะไรคือสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายอยากรู้ รวมไปถึงการหาข้อมูลว่า “ใคร” ซื้ออะไร (และ “ใคร” ที่ไม่ซื้อ) และลูกค้าแบบไหนที่ปิดหน้าเว็บไซต์ของคุณลงทั้งที่ยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย ความสามารถในการประเมินสิ่งเหล่านี้สำหรับธุรกิจออนไลน์จะช่วยให้คุณส่งมอบประสบการณ์ให้กับผู้ใช้งานได้ รวมทั้งยังมองเห็นแนวโน้มของผู้บริโภค และกระตุ้นยอดขายได้
เมื่อกำจัดความเสี่ยงเหล่านี้ได้ ธุรกิจของคุณก็อาจจะไปได้ดีโดยไม่ตกเป็น 80% ที่ไปไม่ถึงดวงดาวตั้งแต่ปีแรก ๆ
ที่มา : Inc.com