ปัญหาของเว็บไซต์แนวนัดเดตทั้งหลายทั้งปวงก็คือ ใครก็ไม่รู้สามารถเข้ามาทำความรู้จักคนโสดอีกคนหนึ่งได้เลย แต่วันนี้บริการจับคู่รายใหม่อย่าง TheDatable เข้ามาสร้างความหวังให้กับคนโสดลดความเสี่ยงที่จะต้องให้เราไปเดตกับคนแปลกหน้า 100% แต่มันจะหาคนที่เป็น “เพื่อนของเพื่อน” เราบน Facebook มาให้ เรียกได้ว่าลดอาการเขินและประหม่าลงไปได้ระดับหนึ่งเลยล่ะครับ ไอเดียนี้น่าสนใจไหม? มาดูกัน
TheDatable เปิดให้คนโสดใช้บัญชีผู้ใช้ Facebook ล็อกอินเข้าไปใช้บริการแล้วหาคนโสดอื่นๆ ที่กำลังหาคู่เดตเหมือนกัน แต่มันจะดูว่าอย่างน้อยคนโสดทั้งสองคนที่มา “ส่อง” กันนั้นจะต้องมีสถานะเป็นเพื่อนของเพื่อน แถมยังสามารถเข้าไปแท็กเพื่อนที่โสดเพื่อหาคู่ให้เพื่อนได้ด้วย! แต่สำหรับใครที่กำลังคบหาดูใจกับคนอื่นๆ อยู่ ก็ยังสามารถเข้ามาใช้ TheDatable เข้ามาแอบกิ๊กกั๊กกับคนอื่นได้ด้วย เพราะถือว่ายังไม่แต่งงาน
Michael Brotzman ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ TheDatable อธิบายว่า เพื่อนส่วนใหญ่ของพวกเรามักจะอยู่บน Facebook อยู่แล้ว? ดังนั้นก็ใช้ Facebook เชื่อมความสัมพันธ์เสียเลย แถมยังแท็กคนโสดได้อีกด้วย และแสดงความเห็นว่าเทคโนโลยี Social จะเข้ามาปรับเปลี่ยนวิธีการที่ทุกคนจะใช้บริการนัดเดท ทุกวันนี้ยังไม่มีใครเป็นผู้ชนะเหนือผู้อื่นอย่างชัดเจนในตลาดเว็บแนวเดตติ้ง เพราะเว็บไซต์ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นเว็บแบบเดิมๆ นั่นคือ ให้ผู้ใช้ลงทะเบียน ลงโปรไฟล์ความสวย ความหล่อเหลา ความดีต่างๆ เอาไว้ แล้วนัดกันเอาเอง แต่ TheDatable นั้นแตกต่างไป เพราะมันดึงเอาเทคโนโลยี Social เข้ามาสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์
ความเห็น:
บริการนัดเดทแบบเดิมๆ ในเมืองไทยอย่าง ThaiMate ก็มีมานานมากๆ แล้ว แต่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงโมเดลการทำงาน เวลาเราเข้าไปดู ก็ยังคงมีหน้าตาแบบเดิมๆ คิดว่าเมืองนอกก็เหมือนกัน ผมเองลองเอา Facebook ล็อกอินดูปรากฏว่ามันก็ทำงานด้วยการดึงว่าผมชอบอะไร (เคยไปกด like อะไรเอาไว้ก็โดนหมด) แต่สิ่งที่ดีอย่างหนึ่งคือทีมงาน TheDatable เข้าใจธรรมชาติของคนว่าต้องการมีความเป็นส่วนตัว ไม่อยากถูกเห็นว่ากำลังมองหาคู่เดท ดังนั้นจะไม่มีข้อมูลอะไรถูกแชร์ไปบน Facebook มีแต่คนที่ “โดนแท็ก” เท่านั้นที่จะได้ notification โดยรวมคือมันจะดึง data ที่เราต้องการมาให้ใช้ ซึ่งถือว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวครับ นับว่าฉลาดในการดึงเอา Facebook มาใช้ในการเชื่อมสัมพันธ์ แต่จะไปได้ไกลแค่ไหน หารายได้ได้ไหม ก็ต้องลุ้นกันไป แต่กิจการนี้เริ่มต้นด้วยเงิน 200,000 เหรียญ หรือ 6 ล้านบาท ก็นับว่าไม่ได้มากมายอะไรครับ startup ไทยน่าลองหาโมเดลอะไรที่ใช้ประโยชน์จาก Facebook อย่างนี้บ้างนะครับ
ที่มา: PSFK และ TechCrunch