third-party หรือบริษัทอื่นนั้นเป็นแหล่งข้อมูลชั้นยอดของเหล่าแบรนด์มาหลายยุคหลายสมัย ล่าสุดการสำรวจพบว่าบริษัทสัญชาติอเมริกันพร้อมใจเทเงินมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซื้อข้อมูลผู้ใช้จากบริษัท third-party ตลอดปีนี้ (ราว 6.5 แสนล้านบาท)
การศึกษาวิถีการใช้เงินซื้อข้อมูลผู้ใช้จากบริษัท “บุคคลที่สาม” นี้ใช้ชื่อว่า The State of Data 2017 ดำเนินการโดยองค์กรโฆษณาดิจิทัล Interactive Advertising Bureau (IAB) และสมาคมการตลาดและข้อมูล Data & Marketing Association (DMA) รวบรวมโดยบริษัท Winterberry Group ทั้งหมดแบ่งขอบเขตการซื้อข้อมูลผู้ใช้จาก third-party เป็น 2 ด้าน ได้แก่ การซื้อข้อมูลจาก third-party โดยตรง และการซื้อโซลูชันส์ หรือระบบเพื่อให้สามารถดึงข้อมูลจาก third-party มา
การสำรวจประเมินว่า บริษัทในสหรัฐฯจะใช้จ่ายเงินจำนวน 1.005 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อข้อมูลผู้ชมของบริษัท third-party ในปีนี้ โดยเงินอีก 1.013 หมื่นล้านดอลลาร์จะถูกเทไปกับการซื้อโซลูชันส์ เพื่อให้สามารถดึงข้อมูลผู้ใช้จากบริษัทอื่น เรียกว่าแบ่งครึ่งส่วนละ 3 แสนล้านบาทขึ้นไป
รายงานใน The State of Data 2017 ลงรายละเอียดว่าจะมีการใช้จ่ายเงินมากกว่า 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เพื่อติดตั้งระบบประมวลผลข้อมูลเชิงลึก ในขณะที่การใช้จ่ายด้านโฮสติ้งและการจัดการข้อมูล จะทะลุหลัก 4.2 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่การใช้จ่ายด้านโซลูชันการวิเคราะห์ การสร้างแบบจำลอง และการแบ่งส่วนเซกเมนเทชัน จะมีมูลค่า 1.63 พันล้านดอลลาร์
การใช้จ่ายเงินซื้อข้อมูลของ third-party เหล่านี้ขยายตัวตามประเภทหมวดหมู่ข้อมูล จุดนี้การสำรวจพบว่าข้อมูลจาก omnichannel ที่รวบรวมข้อมูลผู้บริโภคจากหลายแหล่งจะมีมูลค่า 3.53 พันล้านดอลลาร์
ถัดจากแชมป์อย่างข้อมูล omnichannel ผู้ที่ตามมาเป็นอันดับ 2 คือข้อมูลธุรกรรมหรือ transactional (2.99 พันล้านดอลลาร์) อันดับ 3 คือข้อมูลอื่นทางดิจิทัล (2.07 พันล้านดอลลาร์) รองลงมาเป็นข้อมูลเจาะจงพิเศษ (0.88 พันล้านดอลลาร์) และข้อมูลประจำตัวสำหรับระบุตัวตนหรือ identity (0.56 พันล้านดอลลาร์)
ที่มา: MarketingDive