เป็นตัวเลขที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวกับการออกมาประกาศยอดขายของ Google Home ลำโพงอัจฉริยะของบริษัทกูเกิลที่พบว่าจนถึงปัจจุบันทำไปได้แล้วเกือบ 7 ล้านเครื่อง โดยสิ่งที่ Google ออกมาประกาศเกี่ยวกับ Google Home คือการบอกว่า สามารถขายได้มากกว่าวินาทีละหนึ่งเครื่อง นับตั้งแต่ Google Home Mini เริ่มวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม ซึ่งอาจแปลเป็นตัวเลขได้ว่า ยอดขายรวมนับตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2017 จนถึงวันศุกร์ที่แล้วนั้นน่าจะเกิน 6.73 ล้านเครื่องแล้ว
แม้ว่าในตัวเลขนี้อาจจะมีสิ่งที่ Google ไม่ได้บอกคือ ยอดขายของอุปกรณ์แต่ละประเภทว่ามีมากน้อยเท่าไร ระหว่าง Google Home ปกติ Google Home mini และ Google Home Max ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีราคาแตกต่างกันอย่างมาก โดยรุ่น Google Home Mini นั้น ช่วงฮอลิเดย์ซีซั่นเลือกที่จะจำหน่ายในราคาเพียง 29 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 931 บาทเท่านั้น
ขณะที่ Home Max นั้นเพิ่งเริ่มวางจำหน่ายเมื่อกลางเดือนธันวาคมในราคา 399 เหรียญสหรัฐ (12,817 บาท) ซึ่งถือว่าแพงกว่าเพื่อน ๆ ในตระกูลเดียวกันมาก จึงเป็นไปได้ว่า Home Max จะไม่ได้มีส่วนแบ่งมากนักในตลาดนี้
อย่างไรก็ดี สิ่งที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันต่อจากการเปิดเผยตัวเลขครั้งนี้ก็คือ ยอดขายมากอาจไม่ใช่เรื่องของกำไร แต่อาจเป็นการขาดทุนอยู่ก็เป็นได้ เนื่องจากตัวอุปกรณ์ที่ราคาถูกที่สุดอย่าง Google Home Mini ที่มีราคาจำหน่ายในช่วงฮอลิเดย์ซีซั่น 29 เหรียญสหรัฐนั้น เป็นตัวที่นักวิเคราะห์มองว่าน่าจะเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด แต่ราคา 29 เหรียญสหรัฐนั้นเป็นราคาที่ถูกเกินกว่าจะครอบคลุมต้นทุนทั้งหมดที่ Google มีได้นั่นเอง
ด้าน Amazon แม้ไม่ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขยอดขายของ Echo แต่ก็ออกมาบอกเช่นกันว่า มียอดการ Activate ผู้ช่วยอัจฉริยะ Alexa ประมาณ 10 ล้านครั้งในช่วงฮอลิเดย์ซีซั่น จึงอาจถือได้ว่าเป็นปีที่ทั้ง Google และ Amazon เดินหน้าโกย “ตัวเลข” อุปกรณ์เอาไว้ในมือกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งหลังจากนี้ก็คือการเริ่มผนวกบริการ “โฆษณา” ใส่ลงไปกับบรรดาผู้ช่วยอัจฉริยะทั้งหลายนั่นเอง
โดยล่าสุดมีรายงานมาจาก CNBC ว่า Amazon มีการพูดคุยกับ P&G และ Clorox ในการโปรโมตสินค้าบน Amazon Echo ผ่านผู้ช่วยอัจฉริยะ Alexa แล้ว ซึ่งรูปแบบของการเลือกกลุ่มเป้าหมายอาจทำได้หลายวิธี เช่น การดูจากพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าในอดีต หรือให้ Alexa เป็นฝ่ายแนะนำสินค้าให้กับลูกค้าเอง ฯลฯ นอกจากนั้น ตัวเลขจาก eMarketer ยังระบุว่าในตลาดสหรัฐอเมริกานั้นมีลำโพงอัจฉริยะนี้แล้วมากกว่า 36 ล้านเครื่อง และ Amazon ครองส่วนแบ่งไว้ถึง 71%
สำหรับนักการตลาดตะวันตก นี่จึงอาจเป็นช่วงเวลาที่ต้องคิดถึง “Voice Strategy” กันแล้วอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนในบ้านเรา เชื่อว่าเทรนด์เหล่านี้น่าจะเริ่มปรากฏให้เห็นในไม่ช้าเช่นกัน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง Adweek, MobileMarketer, MSN