ใครที่ติดตามข่าวเรื่องน้ำท่วมในช่วงปีที่ผ่านมา เราก็จะเห็นความสนุกในการแต่งภาพจากเหตุการณ์น้ำท่วม ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังในหลายประเทศ และเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2558 มีฝนตกหนักจนทำให้น้ำขังและท่วมในบางพื้นที่ แต่มีภาพนึงที่ถูกเอามาแชร์บนโลกโซเชียลก็คือรูปด้านบน นั่นคือรูปชั้นวางของในห้าง Tops Supermarket สาขาสุขุมวิท (ภาพจากกระทู้คุณ Jalor บน Pantip.com)
สิ่งที่คนออนไลน์กลุ่มหนึ่งทำขึ้นมาเมื่อเห็นภาพนี้ก็คือการนำภาพมาตัดต่อแล้วทำให้ดูสนุก, ตลกขึ้นจากไอเดียแหวกแนว ซึ่งที่ได้เห็นจากการทำก็พบได้ว่ามีคนมาร่วมทำอย่างต่อเนื่องจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเอาคนดังๆ ของไทย ไม่ว่าจะในรัฐบาล, ผู้ว่ากทม. หรือเป็นตัวการ์ตูน มาประกอบในภาพจนกลายเป็น Internet Meme เรียกได้ว่ามันคือ เป็น crowdsourcing ที่เกิดจากการ Viral หรือปากต่อปากโดยแท้
อันนี้เป็นตัวอย่างครับ ดูทั้งหมดได้ที่ Pantip.com
ในมุมของคนทำและคนได้เห็นอาจจะสนุกและตลกที่ได้เห็น แต่ในมุมของเจ้าของสถานที่นั้นคงไม่สนุกแน่ เพราะมันคือสิ่งที่เสียหายในด้านทรัพย์สิน แถมยังไม่ถูกพูดถึงชื่อด้วยว่าที่ไหน ซึ่งก็เป็น Crisis อย่างหนึ่งทั้งสองโลก ออนไลน์ และ ออฟไลน์
แต่หลังจากมีกระแสของการตัดต่อภาพไม่นาน Page Tops Thailand เจ้าของ Top Supermarket ก็ได้ทำการโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพเพื่อเข้ามาจัดการกระแสนี้ ด้วยภาพนี้…
สิ่งที่ได้ตอบกลับมาก็คือ comment ในทางที่ดีด้านบวก ที่ให้ด้านการให้กำลังใจ รวมทั้งมีการส่งการแชร์ต่อที่มีการส่งไปเรื่อยๆ
อย่างที่บอกไปว่า นี่คือการเกาะกระแสอย่างดี และเป็นการแก้เกมที่เกิดจากกระแสที่จะได้รับความเสียหายมาก แต่แบรนด์กลับไม่ได้พูดถึงมากนัก ซึ่งแบรนด์ก็เลือกที่จะกระโดดลงมาเกาะเองด้วยการใช้ Content พร้อมกับ message ที่เป็น real-time ให้เข้ากับสถานการณ์ที่ทำได้ดีมากๆ
แล้วถ้าเป็นคุณล่ะครับ เมื่อเจอสถานการณ์นี้ คุณจะทำอย่างไรบ้างครับ?