การสำรวจล่าสุดพบ เมื่อใดที่นักการตลาดยึดมั่นในความโปร่งใส และสื่อสารชัดเจนว่าใช้ข้อมูลลูกค้าอย่างไรในการกำหนดเป้าหมายโฆษณา เมื่อนั้น engagement หรือการมีส่วนร่วมของแคมเปญจะเพิ่มขึ้นได้ถึง 40%
ความโปร่งใสเรื่องการกำหนดกลุ่มเป้าหมายหรือ Transparent ad targeting ถือเป็นประเด็นร้อนที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม เพราะความโปร่งใสไม่ปกปิดไม่ได้มีผลต่อ engagement ที่มากขึ้นเท่านั้น แต่นักการตลาดจะได้เห็นการซื้อของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นด้วย
ข้อสรุปนี้เป็นผลการวิจัยของ Maritz Motivation Solutions และนักวิจัยของสถาบัน Harvard Business School ที่ตีพิมพ์ใน Harvard Business Review การศึกษานี้เน้นที่ปฏิกิริยาของผู้บริโภคต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของนักการตลาด เบื้องต้น งานวิจัยแบ่งการทดลองออกเป็น 2 ส่วน แต่ละส่วนประกอบด้วยการเปิดเว็บไซต์ให้ข้อมูลสินค้าในภาษาที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะหน้ารายละเอียดผลิตภัณฑ์ของเว็บไซต์
ในการทดสอบส่วนแรก ครึ่งหนึ่งของผู้ชมจะได้เห็นรายการแนะนำสินค้าที่ระบุเพียงว่า recommended และอีกครึ่งหนึ่งเห็นข้อความที่โปร่งใสลงรายละเอียดมากขึ้นว่า recommended based on your clicks on our site ผลคือส่วนแนะนำสินค้าที่ระบุว่าจะแนะนำโดยพิจารณาจากการคลิกบนไซต์นั้นเพิ่มการใช้จ่ายได้มากกว่า ทำให้สรุปได้ว่า “ภาษาโปร่งใส” สามารถเพิ่มอัตราการคลิกผ่านเพิ่มขึ้น 11%
นอกจากนี้ เวลาที่ใช้กับหน้าผลิตภัณฑ์ก็มากกว่า 34% และผู้บริโภคใช้จ่ายมากกว่า 38% เมื่อเทียบกับรายการที่แนะนำแล้วระบุเพียงว่า recommended
สำหรับการทดสอบส่วนที่ 2 ครึ่งหนึ่งของผู้ชมจะได้เห็นรายการสินค้าแนะนำผ่านคำว่า “recommended items” ขณะที่อีกกลุ่มได้เห็นผ่านข้อความว่า “recommended based on what you’ve shared with us“ ซึ่งบอกลูกค้าชัดเจนว่าแนะนำตามสิ่งที่ลูกค้าแชร์ การทดลองครั้งนี้พบว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มคลิกที่รายการสินค้าแนะนำมากขึ้น 40%
อีกสิ่งที่น่าสนใจ คือการบอกว่าสินค้าแนะนำเหล่านี้เลือกตามข้อมูลที่ลูกค้าแชร์กับแบรนด์ ส่งให้กลุ่มตัวอย่างใช้เวลาในหน้าผลิตภัณฑ์มากขึ้น 31% ทีเดียว
ที่มา: : MarketingDive