TCDC ได้เผยอีบุ๊กเทรนด์ 2025 เจาะเทรนด์โลก บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับรสนิยม ความชอบ วัฒนธรรม ของคนในทุกเจนเนอเรชันเพื่อเป็นเครื่องมือทางความคิดสำหรับความต้องการในการขับเคลื่อนสังคมและมองเห็นแนวคิดและวิธีแก้ปัญหาของคนในแต่ละกลุ่ม
รายงานจากสหประชาชาติคาดการณ์ว่า ในปี 2050 จะมีจำนวนผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่าผู้ที่มีอายุ 15-24 ปี เนื่องจากอัตราการเกิดที่น้อยลง และอาจมีจำนวนผู้สูงอายุมากกว่าในปัจจุบันถึง 2 เท่า เพราะปัจจัยทางการแพทย์และองค์ความรู้จากงานวิจัยด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ทำให้ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 100 ปี มีจำนวนมากขึ้น เช่น งานวิจัยเพื่อฟื้นฟูเซลล์อนุพันธ์ NAD+ หรือนิโคตินาไมด์อะดินีนไดนิวคลีโอไทด์ของ ดร.เดวิด ชินแคลร์ ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาพันธุศาสตร์ของ Harvard Medical School ที่ได้ถูกนำมาให้บริการตามคลินิกเสริมความงามอย่างแพร่หลายเพื่อฟื้นฟูเซลล์ในระดับดีเอ็นเอ ผู้ที่ได้รับสารกระตุ้นนี้จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีพลังสำหรับออกกำลังกายมากขึ้น และนอนหลับได้เต็มอิ่ม NAD+ จึงกลายเป็นสารตั้งต้นในงานวิจัยชิ้นอื่น ๆ สำหรับการสร้างโมเลกุลแห่งความหนุ่มสาวของคนยุคนี้
“การเป็นผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องตลก” ชาวบูมเมอร์มองว่าการวางตัวเท่าทันโลกตามกระแสโซเชียลมีเดีย หรือใช้มีมตามวัยรุ่น ไม่ใช่เรื่องตลกที่ต้องโดนล้อเลียน ผลสำรวจผู้สูงอายุในสหรัฐอเมริกาโดยหนังสือพิมพ์ The Guardian เผยว่าแม้พวกเขาจะมีอายุมากขึ้น แต่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเป็นเด็กที่ต่อสู้กับอุปสรรคตามบริบทของคนยุคหนึ่ง ซึ่งตอนนี้พวกเขาพร้อมที่จะปล่อยจอยด้วยการใช้ชีวิตตามบริบทของคนยุคนี้บ้าง เพราะพวกเขายังถือเป็นหนึ่งในคนยุคนี้ ที่ต้องการหลีกหนีจากปัญหาเรื่องสุขภาพ จึงต้องการเข้าใจกระแสของโลกยุคใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น
เหล่าบูมเมอร์ที่ถูกมองข้าม
ผลสำรวจจาก Demandsage ชี้ว่าธุรกิจในสหรัฐอเมริกามากถึง 54% ยังคงมีเจ้าของเป็นชาวบูมเมอร์วัย 60 ปีขึ้นไป และมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารบริษัทขนาดใหญ่ในวัย 70 ปีขึ้นไป รวมถึงธุรกิจขนาดเล็กด้านอาหารยั่งยืนหรือฟาร์มแนวตั้ง ที่บุกเกบิกโดยเหล่าบูมเมอร์ และโอนสิทธิ์ให้รุ่นมิลเลนเนียลเข้ามาบริหารองค์กร บูมเมอร์เหล่านี้ชอบให้คำแนะนำทางการเงินและการบริหารบุคลากร มองถึงโอกาสในอนาคตและคิดว่าคนรุ่นหลังมักอ่อนไหวกับเรื่องความคิดเห็นที่ต่างกันมาก
ผลสำรวจจาก Pew Research Center ระบุว่าธุรกิจยุคนี้มักให้ความสำคัญกับผู้บริโภคจนลืมมองว่าผู้บริโภคที่มีกำลังทรัพย์และต้องการสินค้าที่มีคุณภาพยิ่งกว่าคือ เบบี้บูมเมอร์ ซึ่งชาวบูมเมอร์ 85% เช็กสมาร์ทโฟนและออนไลน์อย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน ขณะที่ 31% ออนไลน์ตลอดเวลา
โดยในปีที่ผ่านมาผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป ใช้จ่ายกับสินค้าออนไลน์โดยเฉลี่ยถึง187 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน แม้จะไม่มากเท่าเจนเอ็กซ์แต่ถือเป็นลูกค้าที่ปรับตัวเข้ากับระบบออนไลน์ได้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งมากกว่าช่วง 3 ปีก่อนหน้านี้โฆษณาออนไลน์จำเป็นต้องปรับมุมมองภาพผู้สูงอายุเสียใหม่โดยมีเป้าหมาย เป็นผู้สูงอายุที่ทันสมัย กระฉับกระเฉง และทำให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของคอมมิวนิตี้นั้น และ ควรระวังเรื่องคำสแลงที่อาจถูกมองว่าแปลก แยกเนื่องจากเป็นภาษาเฉพาะรุ่น และอาจเกิดการสื่อสารที่ผิดพลาดได้
เบบี้บูมเมอร์ถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่เข้าใจเทคโนโลยีช้าที่สุด แต่กลับเป็นผู้บริโภคที่มีสัดส่วนมากที่สุดในสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และสมาร์ทวอช โดยเฉพาะสมาร์ทวอชและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจจับข้อมูลสุขภาพ สามารถเติบโตในกลุ่มบูมเมอร์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2022 ที่จำนวน 13.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 15.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025
ในปี 2025 คอนเทนต์วิดีโอคอมเมิร์ซบน Facebook ยังคงครองตำแหน่งอันดับหนึ่งสำหรับบูมเมอร์ จำนวน 85% ของผู้สูงอายุที่ใช้งาน Facebook ไถฟีดวิดีโอเรื่อยๆ โดยไม่เปิดเสียง แต่จะอ่านคำบรรยายที่มีตัวอักษรขนาดใหญ่ หากเป็นหน้าเพจหรือเว็บไซต์ ตัวอักษรต้องมีขนาดมากกว่า16pt และเลือกใช้ประโยคสั้น ๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายและตรงประเด็น
FMCG ย่อมาจาก Fast-Moving Consumer Goods หมายถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน มีต้นทุนในการผลิตไม่สูง แต่มียอดจำหน่ายและอัตราการแข่งขันในท้องตลาดค่อนข้างสูง รายงานจาก Worldpanel เผยว่าผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ถือเป็นลูกค้าคนสำคัญของสินค้า FMCG โดยเฉพาะสินค้าดูแลร่างกายภายนอก เช่น ครีมอาบน้ำ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก รวมถึงเครื่องดื่มประเภทนมและขนมขบเคี้ยว ผู้สูงอายุสามารถเลือกรับประทานนมวัวและน้ำผลไม้บรรจุกล่องได้มากกว่า ซึ่งต่างจากคนกลุ่มมิลเลนเนียลที่มักเลือกสรรสินค้าซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีต้นทุนการผลิตสูงกว่า และเป็นสินค้าสำหรับสุขภาพ เช่น นมข้าวโอ๊ตหรือน้ำผลไม้สกัดเย็น
ประหยัดหรือใช้เงินตามใจฉัน
หากพิจารณาจุดตัดระหว่างความประหยัดกับการใช้จ่ายตามอำเภอใจ เจนเอ็กซ์นับเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ แม้พวกเขาจะเติบโตมาในบ้านที่ให้ความสำคัญเรื่องความประหยัดและการอดออม แต่ทุกวันนี้เจนเอ็กซ์จัดเป็นกลุ่มผู้บริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยระดับพรีเมียมในอันดับต้น ๆ
นั่นเป็นเพราะพวกเขาเข้าใจสมการความคุ้มค่าที่แท้จริง ซึ่งไม่เพียงเกี่ยวข้องกับเรื่องราคา แต่สินค้าเหล่านั้นต้องสร้างประสบการณ์ที่สามารถมอบคุณค่าที่ดีกว่าได้ ด้วยเหตุนี้การทำการตลาดที่เน้นย้ำเรื่องคณภาพความทนทาน และความคุ้มค่าของสินค้าหรือบริการจึงเป็นเรื่องจำเป็น
นอกจากนี้ ชาวเจนเอ็กซ์ยังเป็นกลุ่มนักช้อปที่รอบคอบและมีความฉลาดทางการเงิน ดังนั้น การนำเสนอโปรแกรมสมาชิก (Loyalty Program) หรือสิทธิพิเศษตอบแทนลูกค้าประจำ อาจเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์แม้ในสนามแรงงาน เหล่าเจนเอ็กซ์จะต้องเผชิญความรับผิดชอบหลายด้าน ทั้งยังต้องรับมือกับการเหยียดอายุ (Ageism) พร้อม ๆ กับพยายามสร้างฐานเงินออมเพื่อเกษียณอายุ
แต่แอเดรียน พอร์เทอร์ (Adrion Porter) ผู้ก่อตั้ง Mid-Career Mastery เน้นย้ำว่า เหล่าเจนเอ็กซ์ปรับตัวได้เก่งกว่าที่คนส่วนใหญ่เข้าใจแม้มิลเลนเนียลและเจนซีจะเติบโตมาพร้อมๆ กับเทคโนโลยี แต่เจนเอ็กซ์จำนวนไม่น้อยต่างก็ฝึกฝนการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ตลอดชีวิตการทำงาน อีกทั้งพวกเขายังมีความมั่นคงทางอารมณ์ที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมงานอายุน้อย รวมถึงเชี่ยวชาญด้านการรับมือกับสถานการณ์ทางสังคมในที่ทำงาน อย่างการแก้ไขความขัดแย้งต่าง ๆ
ความสวยความงามที่พร้อมลงทุน
การสำรวจเเสดงให้เห็นว่าผู้หญิงเจนเอ็กซ์กำลังมองหาการนำเสนอความงามแบบวัยกลางคนมากขึ้น เปิดโอกาสให้เเบรนด์ต่างๆ สามารถลงทุนในผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้รับการคัดสรรและเหมาะกับช่วงวัย ผู้หญิงเจนเอ็กซ์ที่มีอายุระหว่าง 43-58 ปีเพียง 28% รู้สึกว่าตนเองเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมความงาม จากการสำรวจมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยยังแสดงความหวังว่าสิ่งนี้จะเปลี่ยนไป
ไม่ว่าจะเป็นการที่แบรนด์มีความเข้าอกเข้าใจผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนมากขึ้น นำเสนอนางแบบวัยกลางคนมากขึ้น หรือเฉลิมฉลองเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับผู้หญิงวัยกลางคน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อระดับความมั่นใจและเพิ่มความรู้สึกดีต่อตนเองมากขึ้นผู้บริโภคเจนเอ็กซ์นับเป็นฐานผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในตลาดความงาม และได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้บริโภคที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นเจนที่มักถูกลืม แต่ก็ไม่ควรลืม
ในสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียวผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 50 ปี มีอำนาจการใช้จ่ายถึง 15 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางด้านสหราชอาณาจักร มีการใช้จ่ายอยู่ในระดับสูงสุดในช่วงอายุ 40 ปี ส่วนในจีน ผู้บริโภควัยกลางคนมีอำนาจการใช้จ่ายแซงหน้ากลุ่มคนรุ่นใหม่แบรนด์ต่าง ๆ จึงควรนำเสนอความงามในช่วงวัยกลางคนอย่างรอบด้านมากขึ้น พร้อมเขียนกฏความงามที่สะท้อนความหลากหลายด้านเชื้อชาติ รูปร่าง และสีผม เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการเป็นตัวแทนของเจนเอ็กซ์อย่างแท้จริง
เจนเอ็กซ์เริ่มอยู่ในสนามอารมณ์และตกเป็นประเด็นมากขึ้นแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ทั้ง X, Reddit หรือสื่อกระแสหลัก เริ่มตั้งคำถามและขยายความต่อ หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือทุกวันนี้เบบี้บูมเมอร์เริ่มลดบทบาทอำนาจลงไปและเจนเอ็กซ์กำลังขึ้นมามีอำนาจแทนทั้งในแวดวงธุรกิจและการเมือง
แม้คอลัมนิสต์จาก The New York Times จะสรุปไว้อย่างน่าสนใจว่า “การด่าทอเจนเอ็กซ์ให้เจ็บนั้นยากมาก เพราะนี่คือเจนที่ไม่ชอบตัวเองอยู่แล้ว” แต่อย่างไรก็ดี เราไม่สามารถเหมารวมได้ว่าเจนเอ็กซ์ทุกคนจะมีทัศนคติดังกล่าว บางส่วนเมื่อตกอยู่ในประเด็น อาจรับรู้แล้วนิ่งเฉย โต้ตอบ ถกเถียง อธิบายหรือพร้อมจะแก้ไข เพื่อให้สถานการณ์ต่างๆ เป็นไปในแนวทางที่ดีขึ้น
พฤติกรรมการบริโภคสื่อของเจนเอ็กซ์ เผยให้เห็นกลุ่มประชากรที่ชับซ้อนและมีอิทธิพล ด้วยการก้าวผ่านภูมิหลังด้านวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีและสังคมที่แตกต่าง ความสนใจสื่อของเจนเอ็กซ์จึงโดดเด่นโดยผสมสมสานระหว่างสื่อแบบดั้งเดิมและสื่อดิจิทัลที่เน้นคุณภาพ ย้อนความทรงจำ (Nostalgia) ด้วยการอ้างอิงถึงถึงวัฒนธรรมป๊อปยุค 70 80 และ 90 สิ่งนี้สามารถ สร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์และเพิ่มการมีส่วนร่วม ตลอดจนเน้นการสื่อสารเฉพาะบุคคล (Personalization) ทั้งโปรแกรมและข้อความ การเข้าใจพฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลอย่างมากต่อผู้สร้างเนื้อหา นักการตลาดและโฆษณาในการเป็นกุญแจสำคัญเพื่อเชื่อมโยงเนื้อหากับเหล่าเจนเอ็กซ์
ที่มา : TCDC