Huawei ได้ส่งข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับวิสัยทัศน์อุตสาหกรรมทั่วโลก ปี 2025 (Global Industry Vision – GIV 2025) ซึ่งเป็นรายงานฉบับใหม่ที่คาดการณ์อนาคตของอุตสาหกรรมและสังคมในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
จากรายงานดังกล่าว ในปี 2025 ทุกสิ่งจะสามารถสื่อสารและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ และนำพวกเราทุกคนเข้ามาอยู่ในโลกที่ทุกอย่างมีความเป็นอัจฉริยะ รายงาน GIV 2025 ได้คาดการณ์ไว้ว่า ในปี 2025 จำนวนสมาร์ทดีไวซ์ส่วนบุคคลจะมีมากถึง 40,000 ล้านชิ้น และทั่วโลกมีปริมาณการเชื่อมต่อถึง 100,000 ล้านครั้ง สร้างเศรษฐกิจดิจิทัลมูลค่าสูงถึง 23 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ รายงาน GIV 2025 บ่งชี้วิสัยทัศน์ 3 ด้าน ประกอบไปด้วย
ทุกอย่างสามารถสื่อสาร เชื่อมต่อดีขึ้นและมากขึ้น นำพาทุกอย่างเข้าสู่โลกอัจฉริยะ
โลกอัจฉริยะจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง เมื่อทุกสิ่งสามารถสื่อสารและเชื่อมต่อกันได้ ในราวปี 2025 คาดว่าจะมีสมาร์ทดีไวซ์ราว 40,000 ล้านชิ้น และมีการเชื่อมต่อมากถึง 100,000 ล้านครั้งทั่วโลก โดยมีอินเทอร์เน็ตสำหรับอุตสาหกรรมเป็นแหล่งกำเนิดหลักของการเชื่อมต่อจำนวนแสนล้านนี้ ปริมาณข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เกิดจากความสามารถในการสื่อสารของทุกสิ่งอย่างจะถูกหล่อหลอมเข้าในทุกอุตสาหกรรม และก่อให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ มากมาย อาทิ อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์สำหรับอุตสาหกรรม และรถยนต์อัจฉริยะ ด้วยการเชื่อมต่อที่ดีและมากขึ้น ปริมาณดาต้าก็จะเติบโตขึ้นหลายเท่าทวีคูณ และจะมาจากวิดีโอเป็นส่วนใหญ่ ตลาด Cloud VR จะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 292,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในปี 2025
รายงาน GIV 2025 ยังได้อธิบายถึงอนาคตข้างหน้า ซึ่งสมาร์ทดีไวซ์และหุ่นยนต์อัจฉริยะจะมีบทบาทมากขึ้น จากการเป็นแค่อุปกรณ์ไปสู่การเป็นผู้ช่วย อัตราการใช้ผู้ช่วยอัจฉริยะจะมีมากถึง 90% ในปี 2025 โดย 12% ของครัวเรือนจะมีหุ่นยนต์บริการอัจฉริยะใช้ในบ้าน และด้วยความช่วยเหลือของหุ่นยนต์นำทาง คนตาบอด 39 ล้านคน และผู้มีปัญหาทางสายตาอีก 246 ล้านคนบนโลกใบนี้จะสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป
Intelligence หล่อเลี้ยงธุรกิจสายพันธุ์ใหม่ๆ และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ด้วยการเชื่อมต่อความเร็วสูง, อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์, คลาวด์ที่ใช้เทคโนโลยี AI และแพลตฟอร์ม +Intelligence จะช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดโดยอาศัยการวิเคราะห์ การตัดสินใจ และการช่วยเหลือที่เป็นอัจฉริยะทั้งหมด
ในปี 2025 เทคโนโลยีอัจฉริยะจะถูกใช้งานอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมขนส่ง จะมีรถอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย 5G มากกว่า 60 ล้านคัน และยนตรกรรมรุ่นใหม่ทั้งหมดจะสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ และเมื่อเทคโนโลยีอัจฉริยะได้ผสมผสานเข้าในภาคการผลิตแล้ว เทคโนโลยีไอซีทีจะผนวกรวมเข้ากับเทคโนโลยีปฏิบัติการได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะทำให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกมากมายทั้งในด้านนวัตกรรม อุตสาหกรรม ห่วงโซ่แห่งคุณค่า และระบบนิเวศโดยรวม นักวางแผนพัฒนาเมืองจะสามารถสร้างแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนใหม่ ๆ ทั้งในด้านการบริหารความปลอดภัย การวางแผนการขนส่ง และอื่นๆ โดยปรับใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ เข้ากับเมือง ทำให้ประชากรในเมืองมีความปลอดภัย สะดวก และมีคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้นได้ด้วยชีวิตแบบดิจิทัล
นวัตกรรมมวลชน: สร้างโอกาสจากเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีมูลค่าถึง 23 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
หัวเว่ยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจดิจิทัลจะมีมูลค่าสูงถึง 23 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และคุณค่าของแพลตฟอร์ม +Intelligence จะมีใช้อย่างกว้างขวางทั้งในภาคการผลิต บริการ การขนส่ง และอื่นๆ อีกมากมาย
ผลลัพธ์ของนวัตกรรมในโลกอัจฉริยะจะเห็นได้ในทุกหนแห่ง โลกอัจฉริยะจะจัดกรอบอุตสาหกรรมใหม่และทำให้เกิดอุตสาหกรรมอัจฉริยะใหม่ ๆ อีกหลายอย่าง อีกทั้งยังช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ เติบโตไปได้ไกลกว่าการคาดการณ์ในปัจจุบันและมีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด และในขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดนวัตกรรมมากมายด้วย
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของหัวเว่ยได้ ที่นี่