มีความจริงข้อหนึ่งที่นักผลิตคอนเทนต์ในยุคนี้ยากจะปฏิเสธ นั่นคือ การที่เรามักถามตัวเองบ่อย ๆ ว่า คอนเทนต์แบบไหนที่จะโดนใจผู้บริโภคกันนะ ในเมื่อรอบตัวมักเต็มไปด้วยสถานการณ์แปลก ๆ ไอเดียแปลก ๆ ในการสร้างแบรนด์ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แถมแต่ละวันมีการปรากฏตัวของสื่อใหม่มากมาย ทั้งยักษ์เล็กยักษ์ใหญ่ และอีกหลายสิ่งที่ถาโถมเข้ามามากมายเต็มไปหมด
แต่ในสถานการณ์ที่น่าสับสนนี้ ก็มีเทรนด์ที่นักผลิตคอนเทนต์ไม่ควรมองข้ามแอบซ่อนอยู่เงียบ ๆ เช่นกัน เลยขอชวนมาลองพิจารณาเทรนด์เหล่านั้นกันดูว่าจะสามารถนำไปปรับใช้กับการสร้างคอนเทนต์ในยุคนี้ได้หรือเปล่า ได้แก่
1. สร้างตัวตนบนโลกโซเชียลก่อน สร้างแบรนด์องค์กรบนเว็บไซต์ที
คำกล่าวนี้ไม่เกินจริงเสียแล้ว จากยุคก่อนที่เรามักเน้นการสร้
2. สัญชาตญาณในการตัดสินใจต้องหยิบมาใช้ก่อนแล้ว
จากอิทธิพลของข้อที่ 1 ทำให้เกิดข้อที่ 2 ตามมา นั่นก็คือ เครื่องมือที่ใช้วัดความคุ้มค่าในการลงทุน (ด้านคอนเทนต์) แบบเดิม ๆ อาจใช้ไม่ได้ในการสร้างคอนเทนต์ยุคต่อไปเสียแล้ว ยกตัวอย่างเช่น การใช้ Google Analytics ในการวิเคราะห์การมีส่วนร่
แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ ในโซเชียลมีเดียที่กำลังเป็นแหล่งรวมของผู้บริโภครุ่นใหม่ หลาย ๆ ตัวไม่มีเครื่องมือในการประเมินความคุ้มค่าที่ดีพอ จนนักการตลาดต้องเกาหัวแกรก ๆ กันเลยทีเดียว ดังนั้นนาทีนี้จึงอาจเป็นช่วงที่ต้องหยิบ “สัญชาตญาณ” ขึ้นมาใช้แทนไปก่อนก็เป็นได้
3. ต้องเล่นคอนเทนต์บนมือถือเป็นอันดับแรก
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้ผู้บริโภคมีสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับโทรศัพท์มือถือชนิดที่แทบจะแยกกันไมได้ และจะหาคอนเทนต์อะไรก็จะอิงจากโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก ดังนั้น การไม่พัฒนาคอนเทนต์ให้สามารถแสดงผลบนโทรศัพท์มือถือได้ก็
จากเทรนด์ดังกล่าว สิ่งที่จะเกิดขึ้นในการเปลี่ยนผ่านนี้จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญ และน่าตื่นเต้นสำหรับนักสร้างคอนเทนต์ทุกคน โดยอาจต้องตื่นตัว และเตรียมพร้อมที่จะใช้สัญชาตญาณนำทางว่าจะสร้างคอนเทนต์ในลักษณะใด แต่ไม่ว่ายุคแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้จะจบลงในลักษณะใด ก็เชื่อว่า คอนเทนต์ที่สามารถฝ่าด่านนี้ไปได้ จะเป็นตัวกำหนดทิศทางที่ชัดเจนของคอนเทนต์ในยุคต่อไปอย่างแน่นอน
ที่มา Marketingland.com