ตลาดการเติมเงินออนไลน์หรือ Mobile Topup ในเมืองไทยมีผู้เล่นอยู่หลากหลาย แต่หากจะพูดถึงเบอร์หนึ่งที่ยังครองตลาดอย่างเหนียวแน่นก็คือ TrueMoney ซึ่งวันนี้เรามีข้อมูลที่จะมาแชร์ให้กับผู้อ่าน thumbsup ได้ติดตามกันครับ
วันนี้มีการสัมภาษณ์กลุ่มโดยคุณปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา หัวหน้าผู้อำนวยการกลุ่ม Ascend และทีมผู้ดูแล TrueMoney Digital & Game Topup Team โดยคุณเอม ภาณุพงษ์, คุณโบนัส และคุณปลั๊ก ชัยวัฒน์ ซึ่งได้ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดการเติมเงิน, ภาพในปัจจุบัน รวมทั้งกลยุทธ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเพื่อให้ TrueMoney ยังคงเป็นอันดับ 1 ด้านนี้
ตัว TrueMoney เกิดขึ้นโดยมี Vision ที่ต้องการเป็น Solution สำหรับการเติมเงินในดิจิทัลและเกมอันดับ 1 ในไทย และจะขยายสู่ระดับ AEC ด้วยการทำให้เกิดการซื้อขายได้แบบแบบราบรื่น (Friction Free) โดยใจปัจจุบัน TrueMoney มีผลิตภัณฑ์หลักอยู่ 5 ตัวได้แก่
- Bill Pay
- Mobile Topup
- Topup Game
- TMX (True Money eXpress) เช่น CP Freshmart
- Kiosk ตู้รับชำระเงิน
ปัจจุบันตอนนี้รายได้เกินครึ่งมาจาก Mobile Topup, Bill Payment โดยปัจจุบันถูกจัดเป็นอันดับ 3 ตามหลัง Tesco และ Counter Service ที่ครองอันดับ 1 อยู่ ด้วย Revenue ประมาณ 2,600 ล้านบาท
โดย TrueMoney ตอนนี้มีการดำเนินการอยู่ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย, เมียนมาร์, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และในปีนี้กำลังจะเปิดที่ มาเลเซียและฟิลิปปินส์ ปี 2559 จะมีที่ สปป.ลาวและสิงคโปร์
รูปแบบการขายในปัจจุบันของ TrueMoney จะมีอยู่ 3 รูปแบบคือ บัตรเติมเงินสด, การซื้อรหัสผ่าน Counter Service และ E-PIN การซื้อผ่านโมบายล์แอป สำหรับการซื้อบัตรเงินสดและซื้อรหัสเติม จะซื้อผ่านช่องทาง Sale Point มากกว่า 71,000 แห่ง (7-eleven, True shop, ตู้บุญเติม เป็นต้น)
ภาพรวมของตลาด Game Market ในประเทศไทย (ข้อมูลจากกระทรวง ICT)
- ตอนนี้ประชากรในไทยอยู่ที่ 65 ล้านคน ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต 25 ล้านคน คนใช้งานบัตรเครดิต 10 ล้านใบ
- ในด้าน Game Industry ปี 2015
- ผู้เล่น Online Game 10 ล้านคน
- บริษัทผู้ทำเกมมีอยู่ประมาณ 40 แห่ง โดยมีการเปิดๆ ปิดๆ อยู่ตลอดเวลา (อัตราการปิดอยู่ประมาณ 15%)
- มีเกมออนไลน์อยู่ในไทยตอนนี้ประมาณ 50 เกม (ไม่นับเกมบนมือถือ)
- เกมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตอนนี้คือ HON 100,000 CCU (มีผู้เข้าไปเล่นพร้อมๆ กัน)
- ส่วนบนเกมบนโมบายล์คือ Cookie Run อยู่ที่ 19 ล้านคน
- อัตราการใช้งานบัตรเครดิตในการจ่ายการเล่นเกมมีเพียง 1% แต่ 99% เป็นการจ่ายผ่านบัตรเงินสด
- Online Game Pay Rate อยู่ที่ 3% ส่วน Mobile Game Pay Rate อยู่ที่ 7%
Mobile Popup และ Game Topup คือตัวที่ทำรายได้มากที่สุดถึง 70% ของทั้งหมด เคยทำได้สูงสุด 85% ช่วงที่มี Promotion ปัจจุบันอยู่ที่ราวๆ 70%
การคาดการณ์การเติบโตในปี 2016 คาดว่าจะโต 23% ด้วยข้อจำกัดของ Market Cap มัน Full แล้วเรียบร้อย
รายได้ที่ได้ในตอนนี้ครึ่งมาจาก Mobile Popup, Bill Payment อยู่ในอันดับ 3 ตามหลัง Tesco และ Counter Service ซึ่งโตขึ้นจากปีที่แล้ว 30% โดยมี Volume 17% โดยหากคิดเฉพาะแค่ Game Topup หรือการเติมเงินเพื่อใช้ในเกม TrueMoney เป็นผู้นำตลาดอย่างขาดลอยด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 85% ในปี 2015
กลยุทธ หรือ Strategies ของ TrueMoney ที่ทำให้ลูกค้าและผู้ใช้งาน มี 3 อย่างคือ การสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุด, สะดวกสบายที่สุด และง่ายที่สุด
Key of Success
- มี Key Strategic Partners มากกว่า 50 เจ้า และมีรายได้ได้มาจากนอกเหนือกลุ่ม True มากถึง 94%
- ได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้ง Partner ด้วย นั่นคือผู้ใช้งานพอใช้แล้วก็ไม่เปลี่ยนไปใช้เจ้าอื่น
- การมี Loyalty & CRM Program ให้กับผู้บริโภค ด้วยแคมเปญ เทพทรูที่เปิดตัวเมื่อกลางปีที่แล้ว ด้วยการปลดลอคไอเทมทุกอย่าง ทำให้ยอดการใช้งานเยอะมากๆ และมีการฟังเสียงของ user ด้วยว่าต้องการอะไรเพื่อทำให้สามารถตอบสิ่งที่เขาอยากจะได้จริงๆ และปีนี้มีเปิดแคมเปญดัน ขอคืนความสุขให้ประชาเกม แจกทุกอย่างเหมือนเดิม โดยเรามีการขอข้อมูลเพื่อนำมาทำ marketing research เพิ่มเติมด้วย
- รู้และเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งาน จากการเข้าไปร่วมจัดงานด้านเกม อย่างที่กำลังจะถึงนี้คือ BIG Festival
ช่วง Q&A
เมื่อพูดถึงเรื่องตลาดของดิจิทัลโดยภาพรวมเมื่อเทียบกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยเฉพาะด้านดิจิทัลคอนเทนต์โตสวนทางกัน ช่วงที่มีปัญหสการเมือง การใช้งานบนดิจิทัลกลับสูงขึ้น ซึ่งก็ทำให้เกิดรายได้จากส่วนนี้มากขึ้น
สำหรับพฤติกรรมของคนไทย แม้ว่าเราจะเห็นว่ายังมีการใช้บัตรเครดิจอยู่น้อย แต่เราจะเข้าไปสู่การใช้งานบัตรเครดิตแน่นอน แต่อาจจะช้าหน่อย ดังนั้นตอนนี้ก็ยังเป็นโอกาสของบัตรเงินสดเติมเงินอยู่ แต่ E-Pin หรือการจ่ายผ่านมือถือ มีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานโมบายล์ โดยทาง TrueMoney เอง แต่ตลาดของ Cash Card ก็ยังคงมีอยู่ แต่เหลือเพียงประมาณ 20% ที่เราทำเพราะเราต้องการลด Cost เนื่องจากการทำบัตรค่อนข้างสูง
Pay Rate – Casual Game เช่น Cookie Run อยู่ที่ 350 บาทต่อคนต่อหัว ส่วนเกมที่ต้องใช้เวลาเล่นนานๆ เช่น e-sport game จะอยู่ที่ 550 บาทต่อหัวต่อเดือน บางเกมสูงกว่า 1000 บาท เช่น Dot Arena
การเข้าสู่ตลาด AEC เราจะเอา Business Model ที่เป็น Cash Card เข้าสู่ตลาด โดยเราจัดประเทศที่เข้าไปทำตลาดเบื้องต้น 3 ระดับ
- Tier ที่มีความช้าใน Model ที่เราทำอยู่ในไทยประมาณ 2-3 ปี คือ เขมร พม่า
- Tier ที่มีความใกล้เคียงกับเราคือเวียดนาม
- Tier ที่มีประเทศที่ล้ำหน้าเราไปแล้วคือ อินโดนีเซีย ด้วยประชากรที่มากกว่าและ Infrastructure ที่พร้อมกว่า
ประเทศที่เข้าไปทำตลาดถึงยากที่สุด ณ เวลานี้คือ เวียดนามที่ยากในการขอ License ในการทำ และอินโดนีเซียจะมีผู้เล่นด้านนี้เยอะ แต่ทั้ง 2 ประเทศเวียดนามกับอินโดนีเซีย เราจะใช้ Model JV คือไปร่วมกับบริษัทที่นั่ง และการไป Take Over บริษัทที่นั่นด้วย แต่ถ้าจะพูดถึงการเข้าไปตีตลาดจุดที่ยากที่สุดคือการสร้าง Community และการสร้าง Content แต่ละประเทศ
ปีหน้าจะมี Strategy ในการทำ Model เหมือนกับการทำ LINE Coins เพื่อทำให้สามารถซื้อขายได้ง่ายมากขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น และจะทำแพล็ตฟอร์มกลางเพื่อไว้ใช้กับประเทศในกลุ่มที่เราไปขยายตลาด โดยจะมีตัวที่ทำเพิ่มขึ้นมาเฉพาะประเทศเพื่อให้สามารถทำงานภายใต้กลไกแต่ละแห่ง
ปัจจุบันเรามี Partner ที่เป็นระดับ AEC Deal 2 เจ้า ได้แก่ LINE, Fun Plus และกำลังคุยกันเรื่อยๆ